วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (21 พ.ย. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับลด สะท้อนถึงความผ่อนคลายของตลาดจากความกังวลอุปทานตึงตัว
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามันดิบ
- ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานตึงตัวลดน้อยลง ในขณะที่ตลาดยังคงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศจีน ซึ่งจะกดดันอุปสงค์น้ำมัน โดยแหล่งข่าวระบุว่า จีนต้องการชะลอการนำเข้าน้ำมันดิบ เนื่องจากพบว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ
- Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 18 พ.ย.ปรับเพิ่มขึ้น 1 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 623 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 63 ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้น 2 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 157 แท่น โดยแท่นขุดเจาะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 219 แท่นหรือ 39% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า
+/- จากการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ผลสำรวจของรอยเตอร์เปิดเผยว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยลงที่ระดับ 0.50% ในการประชุมนโยบายวันที่ 13-14 ธ.ค. หลังจากที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ถึงสี่ครั้งติดต่อกัน ในขณะที่ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ออกมากล่าวสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง อีกทั้งน้ำมันเบซินคงคลังสิงคโปร์ ปรับลดลง 2.6% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากคาดการณ์อุปทานเพิ่มสูงขึ้นจากการส่งออกที่มากขึ้นของจีนในช่วง พ.ย. – ธ.ค. อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลของยุโรปในช่วงฤดูหนาวยังคงอยู่ในระดับสูง