คาดกลุ่มพลังงานทดแทนตอบรับเชิงบวกจากการยื่นเสนอขายไฟสัปดาห์นี้
เข้าใกล้กำหนดเส้นตายรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทน 5,203MW วันที่ 25 พ.ย. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ปี 2565-73 รวม 5,203MW
แบ่งเป็น 1. ก๊าซชีวภาพ 335MW 2. พลังงานลม 1,500MW 3. พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Battery storage) 1,000MW 4. พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 2,368MW เราคาดจะเห็นการยื่นข้อเสนอขายไฟจากเอกชนจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยบวกกับหุ้นในกลุ่มไฟฟ้าและพลังงานทดแทน ได้แก่ GULF, EGCO, RATCH, GPSC, BGRIM, GUNKUL, SSP (และหุ้นเล็กอื่นๆ) ทั้งนี้ไทม์ไลน์ที่สำคัญในการเสนอขายไฟเป็นดังนี้
• 25 พ.ย. 65 วันสุดท้ายในการยื่นข้อเสนอขายไฟ
• 2 ธ.ค. 65 ประกาศรายชื่อผู้เสนอขายไฟที่ผ่านคุณสมบัติ
• 18 ม.ค. 66 ประกาศข้อเสนอที่ผ่านคุณสมบัติเทคนิค
• 15 มี.ค.ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือก
• 29 มี.ค. ลงนามในสัญญาขายไฟ
การยกเลิกคำเสนอซื้อแบบสมัครใจก่อนควบรวม ไม่กระทบกับการควบรวม TRUE-DTAC การยกเลิกคำเสนอซื้อแบบสมัครใจ (Voluntary tender offer) ของซิทริน (ถือหุ้นโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์และเทเลนอร์) ไม่ส่งผลใดๆต่อกระบวนการควบรวม (ไม่ได้มีข้อบังคับตามกฎหมายให้ต้องดำเนินการ) อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ลงทุนราคาเสนอซื้อ ทำหน้าที่เสมือนราคาชี้นำทางพื้นฐาน และเป็นทางเลือกที่เป็นเงินสด (cash option) ประกอบกับหุ้นเหลืออัพไซด์ไม่มากจากราคาเหมาะสมทางพื้นฐาน (อิง Bloomberg concensus - TRUE 5.34 / DTAC 49.91) ทำให้นักลงทุนอาจตอบรับเชิงลบ อย่างไรก็ตามการปรับลดลงมาจนหุ้นเริ่มกลับมามีอัพไซด์ 15-20% จะเป็นจุดที่ทำให้หุ้นเริ่มกลับมาน่าสนใจได้ สำหรับ TRUE คือระดับ 4.28-4.54 บาท และ DTAC คือระดับ 40-42.50 บาท // สำหรับผู้ต้องการซื้อลงทุนเพื่อแลกเป็นหุ้นใหม่หลังควบรวม การซื้อ DTAC ในราคาปัจจุบันจะมีอัตราการแลกที่จูงใจกว่า
ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO 2) การขายไฟพลังงานมทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นเข้า MSCI (มีผล 30 พ.ย.) BAM, ERW, JWD, NEX, RAM และหุ้นเข้า FTSE (มีผล 16 ธ.ค.) ได้แก่ TLI และ PLUS 6) มีโอกาสเข้า SET50 ได้แก่ DELTA, RATCH, COM7, CENTEL
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวจากการปรับพอร์ตระยะสั้น หุ้นกลาง-เล็กยังได้รับผลกระทบจากการปรับพอร์ตและคุมมาร์จิ้นที่เข้มงวดขึ้น SET มีแนวรับ 1,614 และ 1,605 จุด แต่ยังมองบวกภาพระยะ 3-6 เดือน กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ เน้นกลุ่มหุ้นเปิดเมือง และบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ กลุ่มที่ระยะสั้นมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นคือ 1. ไฟฟ้าและพลังงานทดแทนที่น่าจะเห็นการยื่นขายไฟชุดใหญ่สัปดาห์นี้ และ 2. กลุ่มธนาคาร จากคาดการณ์กนง. อาจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 30 พ.ย. //หุ้นแนะนำ: EGCO*, GUNKUL*, BBL*, VRANDA*
แนวรับ: 1,605-1,614 / แนวต้าน : 1,620-1,628 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซนสูงกว่าคาด - ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -23.9 ในเดือนพ.ย. จากระดับ -27.5 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ -26.0
กรรมการ ECB ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. - โรเบิร์ต โฮลซ์แมนน์ ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า เขายังไม่ตัดสินใจว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75% แต่จากสภาวะในขณะนี้ เขามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ปักกิ่งสั่งปิดสวนสาธารณะ-พิพิธภัณฑ์ หลังยอดติดเชื้อโควิดพุ่งทำนิวไฮ - ขณะที่เมืองอีกหลายแห่งของจีนได้เริ่มกลับมาใช้มาตรการปูพรมตรวจเชื้อโควิด-19 ขนานใหญ่
ครม. ปรับเกณฑ์-ขยายเวลา Soft Loan เพิ่มสภาพคล่องธุรกิจโรงแรม –ธนาคารออมสินได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว คิดเป็น 2.48% ของวงเงินรวม 5,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 65)
UBA เคาะขายหุ้น IPO ที่ 1.70 บาท/หุ้น – บมจ.ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (UBA) คาดเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ ในวันที่ 7 ธ.ค.65
Opportunity Day – 23 พ.ย. OR, BEC, LEO, EPG, CRD, SCM, SPCG, APP, HANA, PROSPECT, SMD, PROEN, EA / 24 พ.ย. COLOR, LHK, PYLON, WPH, TQM, ILM, GLORY, CPALL, PTTGC, BTS+BTSGIF, LALIN, THCOM, SICT, WHAUP
ประเด็นติดตาม: 23 พ.ย. – FOMC Meeting Minutes, US Building Permits, US New Home Sales, Initial Jobless Claims / 24 พ.ย. - ECB Publishes Account of Monetary Policy / 29 พ.ย. - CB Consumer Confidence /30 พ.ย.–TH Interest Rate Decision, EU CPI, US GDP Q3, JOLTs Job Openings
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)