ยังไม่มีปัจจัยผลักดันชัดเจน ตลาดกังวลการปรับประมาณการกำไรบจ.หุ้นสหรัฐฯ 

ยังไม่มีปัจจัยผลักดันชัดเจน ตลาดกังวลการปรับประมาณการกำไรบจ.หุ้นสหรัฐฯ 

ตลาดยังคงกังวลระหว่างเรื่องดอกเบี้ยสลับกับความเสี่ยงของการเกิดเศรษฐกิจถดถอย ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญของสหรัฐฯ ปรับลดลง 1-2% โดยตลาดเริ่มเปลี่ยนจากความกังวลดอกเบี้ยมายังการปรับลดประมาณการกำไรของบจ.สหรัฐฯ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มีการปรับลดลงแล้วจากจุดสูงสุด ดังนี้

DJIA ลด 6%, S&P500 ลด 2% และ Nasdaq ลด 14% ขณะที่ตลาดกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้าทำให้การปรับลดประมาณการกำไรบจ.สหรัฐฯ อาจดำเนินต่อไปอีกระยะ ประกอบกับหุ้นสหรัฐฯ ไม่สามารถปรับตัวขึ้นผ่านแนวต้านขาลง และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ซึ่งอาจจะสร้างแรงกดดันทางจิตวิทยาต่อภาพรวมการลงทุน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงหลักคาดจะอยู่ในกลุ่มหุ้นที่อิงเศรษฐกิจโลก ขณะที่หุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ ที่ได้อานิสงค์โมเมนตัมฟื้นตัวจากการเปิดเมืองและการท่องเที่ยว จะยังคงมีการเคลื่อนไหวที่ดีกว่าตลาดโดยรวม

 

กลุ่มไฟฟ้าและพลังงานทดแทนที่ไม่อิงต้นทุนก๊าซน่าสนใจ การปรับประมาณการกำไรของหุ้นที่อิงเศรษฐกิจโลกทำให้กลุ่มหุ้นปลอดภัยที่มีรายได้มั่นคงน่าสนใจ ประกอบกับการปรับลดลงของผลตอบแทนพันธบัตร และการเสนอขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ที่จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของรายได้ในอนาคต โดยเราชอบ GULF, GUNKUL, EGCO, SSP มากกว่าหุ้นไฟฟ้าที่มีต้นทุนอิงราคาก๊าซอย่าง BGRIM, GPSC ที่ยังจะได้รับผลกระทบด้านต้นทุนที่สูง ขณะที่การปรับขึ้นค่า Ft ในช่วงใกล้การเลือกตั้งอาจเกิดได้ยาก และเราเห็นรัฐพยายามขอความสนับสนุนจาก PTT เพื่อตรึงค่า Ft ซึ่งจะทำให้โรงไฟฟ้าในกลุ่มหลังนี้ อาจจะยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนราคาในระยะใกล้นี้
 

SPRC เข้าซื้อธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน Caltex จากเชฟรอน ดีลทั้งหมดมูลค่า 5.5 พันล้านบาท ประกอบด้วย  ส่วนใหญ่ 1) การซื้อธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน Caltex 2) การซื้อหุ้น 2.5% ใน BAFS (เติมน้ำมันเครื่องบิน) 3) การซื้อหุ้น 9.91% ใน Thappline (ท่อส่งน้ำมัน) เรามองบวก โดยการเข้าซื้อธุรกิจดังกล่าว (แล้วเสร็จในปี 2567) คาดจะช่วยเพิ่มกำไรได้ราวปีละ 1,000 ล้านบาท และไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนจาก Net D/E ที่ต่ำเพียง 0.10 เท่า นอกจากนี้ในระยะสั้น กำไรจะโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากการ maintenance ของทาง PTTGC และ IRPC จะทำให้อัตราการใช้กำลังการกลั่นของ SPRC เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลบวกโดยตรงต่อกำไรในช่วงไตรมาส 4/65

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR  2) การขายไฟพลังงานมทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นเข้า FTSE (มีผล 16 ธ.ค.) ได้แก่ TLI และ PLUS 6) มีโอกาสเข้า SET50 ได้แก่ DELTA, RATCH, COM7 / มีโอกาสหลุด SET50 ได้แก่ SAWAD, BLA, KCE 7) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ STP, TNR, DMT, TVDH, KLINIQ

ภาพรวมกลยุทธ์: อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวรับ 1,625 และ 1,614 จุด กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ เน้นกลุ่มหุ้นเปิดเมือง และบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ สอดรับกับการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และสามารถเลือกกลุ่มไฟฟ้าและพลังงานทดแทนที่จะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ 9 ธ.ค. //หุ้นแนะนำ: BAM, GUNKUL*, VRANDA, RATCH

แนวรับ: 1,614-1,625 / แนวต้าน : 1,650 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

 

ประเด็นการลงทุน

บอนด์ยีลด์ยูโรโซนร่วง หลังเจ้าหน้าที่ ECB ส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย –อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 0.04% สู่ระดับ 1.839% ขณะที่หัวหน้านักวิเคราะห์ของ ECB กล่าวว่า เขาเชื่อว่าเงินเฟ้อใกล้แตะจุดสูงสุดแล้ว แม้ว่า ECB ยังมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมแรงกดดันจากราคา

อินเดียเตรียมเดินหน้าซื้อน้ำมันรัสเซียต่อ เมินแผนตั้งเพดานราคาของยุโรป - รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอินเดียเปิดเผยว่า อินเดียจะให้ความสำคัญกับความต้องการด้านพลังงานของประเทศเป็นอันดับแรกและจะเดินหน้าซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไป 

ช้อปดีมีคืน-เราเที่ยวด้วยกัน ไม่ได้เข้าครม.เมื่อวานนี้ รอลุ้นกลาง ธ.ค.– โดยจะพิจารณา ในช่วงหลังกลับจากการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 ธ.ค.นี้ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมาย รวมถึงการจัดเตรียมงบประมาณ 

รถไฟฟ้าสายสีทองเตรียมปรับค่าโดยสารเป็น 16 บาท เริ่ม 1 ม.ค.66 - บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ผู้บริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีทองระยะที่ 1 (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน) ขอแจ้งปรับอัตราค่าโดยสารจากราคา 15 บาทตลอดสาย ปรับเป็น 16 บาทตลอดสาย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566

Opportunity Day – 7 ธ.ค. – PSTC, CRC, AIMRT, SA, SISB, SELIC, TEGH / 8 ธ.ค. – MAKRO, THANA, WINMED, AMR, TRU, ACE / 9 ธ.ค. – KISS, TGE, CSC, TK, ASK, AMATA, PRINC / 13 ธ.ค. – SIS, UTP, CHOW, ASAP, PRM, PIN, TWPC

 

ประเด็นติดตาม: 7 ธ.ค. – EU GDP Q3, US Crude Oil Inventories / 9 ธ.ค. – US PPI / 13 ธ.ค. – US CPI / 14 ธ.ค. - Fed Interest Rate Decision / 15 ธ.ค. - ECB Interest Rate Decision, US Retail Sales / 16 ธ.ค. – EU CPI / 19 ธ.ค. – US Building Permits / 20 ธ.ค. - CB Consumer Confidence, 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)