การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ สร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง
ยอดค้าปลีกสหรัฐฯที่อ่อนแอ และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก กระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนช่วงสั้น สหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีก พ.ย. -0.6% (แย่กกว่าคาดที่ -0.2%) และชะลอตัวลงพอสมควรจาก ต.ค.ที่ 1.3%
ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับการปรับประมาณการกำไรลงกดดันบรรยากาศลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่ง ทั้ง ธนาคารกลางสวิส +0.50% (สู่ 1.0%), ธนาคารกลางอังกฤษ +0.50% (สู่ 3.5%) และธนาคารกลางยุโรป +0.50% (สู่ 2.5%) สร้างแรงกดดันระยะสั้นต่อความอยากเสี่ยงของนักลงทุน อีกทั้งนักลงทุนรอดูความผันผวนของตลาดในวันที่ 16 ธ.ค. ที่จะมี Option จำนวนมากหมดอายุการซื้อขายในวันนี้
กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์หยุดลงทุนหุ้นปตท.และบริษัทย่อย – Norges Bank เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อ 15 ธ.ค. ว่าคณะกรรมการบริหารกองทุนมีมตินำหุ้น PTT และ OR ออกจากพอร์ตการลงทุน เนื่องจากความเสี่ยงที่ไม่อาจยอมรับได้ (unacceptable risk) เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล รายละเอียดที่สำคัญได้แก่ 1) กองทุน Norges Bank ถือหุ้นใน OR ราว 0.23% (ประมาณ 28 ล้านหุ้น) 2) สาเหตุน่าจะเกิดจากการลงทุนของ OR ในพม่า 2 รายการ ได้แก่ JV กับ Bright Energy (OR ถือหุ้น 35%) ในการทำธุรกิจค้าส่งและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างก่อสร้างและได้หยุดไปตั้งแต่รัฐประหารในเมียนมาร์ และ JV อีกตัวทำธุรกิจค้าปลีก (OR ถือ 51%) ซึ่งหยุดดำเนินการตั้งแต่รัฐประหารเช่นกัน
สถานการณ์ในประเทศ การเมือง ไฟฟ้า และพลานามัยพระราชวงศ์ระดับสูง 1) สถานการณ์ทางการเมือง การลาออกย้ายพรรคจะเร่งเกิดก่อน 24 ธ.ค. เพื่อให้ระยะเวลาเป็นสมาชิกพรรคใหม่เกินเกณฑ์ขั้นต่ำ 90 วัน ซึ่งจะปลอดภัยไม่ว่าการยุบสภาจะเกิดหรือไม่ ทั้งนี้เราคาดมีโอกาสเห็นการยุบสภาในช่วง ก.พ.66 2) กลุ่มไฟฟ้า การปรับขึ้นค่า Ft ในฝั่งอุตสาหกรรม ช่วยทำให้หุ้นที่ถูกกดดันจากต้นทุนค่าก๊าซ อาทิ BGRIM, GPSC และ ROJNA มีโอกาสฟื้นตัวได้ดี 3) พระพลานามัยของพระราชวงศ์ชั้นสูง สร้างความกังวลต่อหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับสื่อ และการจัดงานอีเว้นต์
ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นเข้า FTSE (มีผล 16 ธ.ค.) ได้แก่ TLI และ PLUS 6) มีโอกาสเข้า SET50 ได้แก่ DELTA, RATCH, COM7 / มีโอกาสหลุด SET50 ได้แก่ SAWAD, BLA, KCE 7) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ STP, TNR, DMT, TVDH, KLINIQ, FLOYD
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,614-1,650 จุด กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ เน้นกลุ่มหุ้นเปิดเมือง และบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ สอดรับกับการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่อาจจะ peak แล้ว จะบวกต่อการฟื้นของหุ้นปลอดภัย ซึ่งเราชอบทั้งสื่อสาร (บริโภคฟื้น) และไฟฟ้า (เสนอขายไฟฟ้าหมุนเวียนรอบใหม่) //หุ้นแนะนำ: BGRIM, WHA, MAJOR, RATCH
แนวรับ: 1,614 / แนวต้าน : 1,635-1,650 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
สหรัฐเผยยอดค้าปลีกดิ่งลงมากกว่าคาด – ดิ่งลง 0.6% ในเดือนพ.ย. ร่วงลงมากที่สุดในรอบ 11 เดือน ขณะที่คาดว่าปรับตัวลงเพียง 0.1% หลังพุ่งขึ้น 1.3% เดือนต.ค.
สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด - ลดลง 20,000 ราย สู่ระดับ 211,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 230,000 ราย
ECB ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ตามคาด - การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อยู่ที่ระดับ 2.50% และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2551 ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 2.0% และ 2.75% ตามลำดับ
BoE ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ขณะที่ส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้น – ขึ้นสู่ระดับ 3.50% ทั้งนี้ คณะกรรมการมีความเห็นไม่เป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกัน โดยกรรมการ 6 รายลงมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ขณะที่ 1 รายปรับขึ้น 0.75% ส่วนอีก 2 รายมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย
จีนผลิตถ่านหินสูงเป็นประวัติการณ์ ตอบสนองอุปสงค์พลังงานความร้อนเพิ่ม –เนื่องจากบรรดาเหมืองถ่านหินเร่งเพิ่มกำลังการสกัดถ่านหินเพื่อตอบสนองความต้องการเชื้อเพลิงให้ความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้น แม้มีปัญหาด้านการขนส่ง และทำให้สต็อกถ่านหินเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เข้มงวดของจีน
Opportunity Day – 16 ธ.ค. – TPS, THAI, MENA, TM, PRIME, PLUS, STP / 19 ธ.ค. – TAKUNI, KUMWEL, IHL, D, GCAP, HTC, GVREIT / 20 ธ.ค. – GRAMMY, IP, TOG, NWR, YGG, TLI
ประเด็นติดตาม: 16 ธ.ค. – EU CPI / 20 ธ.ค. – US Building Permits / 21 ธ.ค. – US CB Consumer Confidence, US Existing Home Sales / 22 ธ.ค. – US GDP Q3 / 23 ธ.ค. – Core PCE Price Index, New Home Sales, Core Durable Goods Orders
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)