ARROW ผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

ARROW ผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

3Q22 มีรายได้จากการดำเนินงานเท่ากับ 350.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +4.7%QoQ และ +71.0%YoY ตามความต้องการใช้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามทิศทางเงินลงทุนจากภาครัฐและเอกชนที่กลับมา

ในด้านของอัตรากำไรขึ้นต้นทำได้ที่ 15.8% ลดลงจาก 16.2% ใน 2Q22 และ 29.0% ใน 3Q21 จากผลกระทบของราคาวัตถุดิบเหล็กมีราคาสูงขึ้น ขณะที่การปรับราคาขายบางรายการทำได้ช้ากว่า ด้าน %SG&A อยู่ที่ 10.3% เพิ่มขึ้นจาก 9.9% ในไตรมาสก่อน โดยยังคงอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของบริษัทที่ระดับ 10-12% แต่ลดลงจาก 21.0% ใน 3Q21 เนื่องจากปีก่อนมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญของบ.ย่อย (เมฆา-เอส)ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 3Q22 เท่ากับ 13.9 ล้านบาท เติบโต แต่ชะลอตัว -5.7%QoQ และ -36.5%YoY โดยกำไรสุทธิ 9M22 คิดเป็น 54.7% ของประมาณการทั้งปี

 

- ราคาเหล็กปรับตัวลดลง จะทำให้ต้นทุนผลิตดีขึ้น 

เราคาดว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและจะทยอยฟื้นตัว เนื่องจากปัจจุบันราคาเหล็กปรับตัวลดลง จะทำให้ต้นทุนผลิตดีขึ้น ประกอบกับภาพรวมของเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยบริษัทคาดว่าภาพรวมปี 23 อุตสาหกรรมในกลุ่มก่อสร้างจะฟื้นตัวขึ้นมากกว่า 10%YoY โดยเฉพาะในงานกลุ่มโครงการสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท ประกอบกับมีการขยายธุรกิจโรงเรือนเกษตรแบบครบวงจร เพื่อมาช่วยชดเชยรายได้กลุ่มงานรับเหมาที่หายไป (ดำเนินการผ่านบ.ย่อย เมฆา-เอส) เรายังคงประมาณการรายได้ปี 22-23 เท่ากับ 1,206.8 ล้านบาท และ 1,303.3 ล้านบาท เติบโต +19.0%YoY และ +8.0%YoY พร้อมคงกำไรสุทธิที่ 107.7 ล้านบาท -21.7%YoY และ 127.3 ล้านบาท +18.2%YoY  ตามลำดับ
 

-  คงคำแนะนำเป็น “ซื้อ”ราคาเหมาะสมปี 23 เท่ากับ 8.00 บาท 

เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 23 จะปรับตัวดีขึ้น  จากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มอ่อนตัวลง เราประเมินราคาเหมาะสมอิง PER ที่ 16 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี) ภายใต้สมมติฐานประมาณการปี 23 ได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 8.00 บาท ยังมี Upside จากราคาปัจจุบัน เราจึงแนะนำ “ซื้อ” พร้อมคาดหวังอัตราปันผลราว 4-5% ต่อปี


ความเสี่ยง

i)    การบังคับใช้มาตรการ AD ในสินค้าเหล็กอาบสังกะสี 
ii)    ราคาวัตถุดิบเหล็กผันผวน 
iii)    การลงทุนภาครัฐล่าช้ากว่าแผน