Sideways เก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นกลุ่ม Laggard

Sideways เก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นกลุ่ม Laggard

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1,690/1,700 จุด แนวรับ 1,680/1,670 จุด ทางเทคนิค ดัชนีฯ อยู่ในช่วงพักตัวในแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,670 จุด หากหลุดบริเวณดังกล่าวจะเป็นสัญญาณการลดพอร์ต

เชิงกลยุทธ์ คงคำแนะนำ เก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นกลุ่ม Laggard เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มบริหารสินทรัพย์ (AMC) และหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่ม Reopening เช่น กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มค้าปลีก ซึ่งจะมีแนวโน้มเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา หุ้นแนะนำ PTTEP PTTGC BAM

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: CRC AWC BGRIM CENTEL GLOBAL BH BEM CPALL AOT BBL HANA KKP CPN MINT TTB BDMS (ขำย NEX และ KTB)

+ Daily Recommendations: PTTEP (แนวรับ 166.50/165.00 บำท แนวต้าน 169.50/170.00 บาท) PTTGC (แนวรับ 49.75/49.00 บำท แนวต้าน 52.00/53.50 บำท) BAM (แนวรับ 15.60/15.20 บาท แนวต้าน 16.70/17.20 บาท)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า: กลุ่มนำเข้า (COM7 TOA SYNEX) กลุ่มหนี้ต่างประเทศสูง สายการบิน (AAV) โรงไฟฟ้า (GPSC GULF BGRIM)

+ หุ้น 4Q22E Earnings Play: COTTO SINGER EPG PTG NEX ESSO BAFS JMT THANI SNNP M PRINC EKH MFEC HUMAN PLANB PTTGC IMPACT SA SC ORI JWD FSMART PJW IIG

 

ปัจจัยบวก

+ Oil: ราคาน้ำมันฟื้นตัวแรง หลังจากตลาดเริ่มผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการถดถอยของเศรษฐกิจโลก รวมถึงกำลังการผลิตจากรัสเซียที่ลดลง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มโรงกลั่น มีแนวโน้มฟื้นตัวตามราคาน้ำมันดิบโลก

 

 

 

ปัจจัยลบ

- US: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นโลกมีความเสี่ยงเผชิญแรงขาย Sell on fact หากเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ลดลงตามตลาดคาด หลังจากปรับตัวขึ้นตามความคาดหวังในประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้เกิด Sentiment เชิงลบกดดันตลาดหุ้นในวันศุกร์ที่จะถึงนี้

- USDTHB: ปัจจุบันสถานการณ์ถือครองของนักลงทุนต่างชาติ มีกำไรจากการแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนแล้วกว่า +12% ขณะที่ค่าเงินบาทเข้าสู่ภาวะ Overbought (อิงจากเครื่องมือ KTX’s USD/THB Carry Trade) ทำให้ระยะสั้นมีความเสี่ยงที่ค่าเงินบาทจะพลิกกลับมาอ่อนค่า ส่งผลให้เกิดแรงเทขายทำกำไรจาก Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติ

 

ประเด็นสำคัญ

- US: รายงานเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. คาด +6.5% YoY, +0% MoM (Vs เดือน พ.ย. +7.1% YoY, +0.1% MoM) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ คาด +215k (Vs สัปดาห์ก่อน +204k)

- China: รายงานเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. คาด +1.8% YoY (Vs เดือน พ.ย. +1.6% YoY) และ PPI เดือน ธ.ค. คาด -0.1% YoY (Vs เดือน พ.ย. -1.3% YoY)

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดลบ: ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวแย่กว่าตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนตัวลงตลอดการซื้อขาย กรอบ 1,695.13-1,681.88 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,685.75 จุด -5.66 จุด วอลุ่มซื้อขาย 7.3 หมื่นล้านบาท นำลงโดยหุ้นกลุ่มพาณิชย์ -1.27% การแพทย์ -1.18% เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร -1.01% ขนส่งและโลจิสติกส์ -0.99% หุ้นบวก >4% ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กที่เคยร่วงแรงที่ผ่านมา อาทิ CPR CPH CPL NFC CMO AFC JTS AIE III NCAP หุ้นลบ >4% PRAPAT IMH KLINIQ GSC PJW WARRIX

 

 

 

+ หุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดบวก: DJIA +0.80% S&P500 +1.28% NASDAQ +1.76% นักลงทุนคาดเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ที่จะประกาศในคืนนี้ปรับตัวลดลง หนุน หุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันวันที่ 2 นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มเทคฯ ส่วนหุ้นยุโรป CAC40 +0.80% DAX +1.17% FTSE +0.40% ปรับขึ้นจากคาดการณ์เฟดและ ECB ชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังจากเงินเฟ้อทั้งของสหรัฐฯ และ EU ปรับตัวลดลง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคฯ และกลุ่มพลังงาน

+ ราคาน้ำมันดิบและทองคำปิดบวก: WTI +USD2.29 ปิดที่ USD77.41/บาร์เรล Brent +USD2.57 ปิดที่ USD82.67/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากมุมมองบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียจะลดลง เนื่องจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร แม้รายงาน สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา (+18.96 ล้านบาร์เรล vs คาด -2.24 ล้านบาร์เรล) ส่วนราคาทองคำ +USD2.40 ปิดที่ USD1,878.90/ออนซ์ จาก US 10Y Bond Yield ที่ลดลง –6bps สู่ระดับ 3.54% และการอ่อนค่าของ Dollar Index -0.11% สู่ระดับ 103.179

 

ประเด็นสำคัญ

+ Oil: EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 19 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์คาดลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล

+ US: สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 1.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง โดยจำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อกำรรีไฟแนนซ์พุ่งขึ้น 5% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ดิ่งลง 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว และดิ่งลง 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 647,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 6.42% จากระดับ 6.58% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

+/- Thailand: คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2023 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3.0-3.5% แม้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: COM7 SNNP ADVANC / ระยะยาว SAWAD BGRIM

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: PTTEP PTTGC BAM

Derivatives: เปิด Long S50H23 เมื่อย่อตัว