วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (13 ม.ค. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่อง
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ เผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 6.5 % Y-o-Y ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และปรับลดลง 0.1 % M-o-M ส่งผลให้ตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เพิ่มอัตราดอกเบี้ยดัวยอัตราที่ช้าลงที่ 0.25 % สู่ระดับ 4.50 – 4.75 % ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ชะลอตัวลง จะส่งผลเชิงบวกต่อสภาวะเศษฐกิจโลก รวมทั้งอุปสงค์น้ำมันในตลาด
+ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบ ยังได้แรงหนุนหลังจีนผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในจีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดอย่างใกล้ชิด
+ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันในเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ มีราคาถูกลง และน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า ราคาน้ำมันดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ราคายังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันเบนซินของเวียดนาม เดือน ธ.ค. ซึ่งปรับตัวลดลง 15.4 % เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกไปยังฝั่งตะวันตกมีแนวโน้มอ่อนตัวลง แม้เข้าใกล้เส้นตายการห้ามซื้อขายน้ำมันสำเร็จรูปของรัสเซียในวันที่ 5 ก.พ.