ปรับตัวลง หุ้นรายงานพิเศษ SAF (19 ม.ค. 2566)
วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยรวมตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มขนส่ง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนแรงขายมาจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่เข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,685.44 จุด +4.40 จุด +0.26% มูลค่าการซื้อขาย 61,395 ลบ. ต่างชาติ +1,516.24 ลบ. TFEX +2,086 สัญญา ตราสารหนี้ +990.72 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ททท.ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยในเทศกาลตรุษจีน วันที่ 19-27 ม.ค. คาดสร้างรายได้รวม 21,296 ล้านบาท ฟื้นตัว 48% จากปี 2562 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย 588,900 คน สร้างรายได้สะพัด 16,696 ล้านบาท ฟื้นตัวกลับมา 44% ของช่วงเดียวกันในปี 2562 และคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 1.38 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 4,600 ล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 59% ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวมีความคึกคักมากกว่าปีก่อนหน้า
+ สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.4%MoM ในเดือนพ.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.
+ IEA ออกรายงานระบุว่า การที่จีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 จะหนุนอุปสงค์น้ำมันโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในปีนี้ ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะลดอุปทานในตลาด
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ร่วงลง 613.89 จุด -1.81%โดย ดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ดิ่งลงเกือบ 2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันการที่เจ้าหน้าที่เฟด สนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 70 เซนต์ -0.9% ปิดที่ 79.48 ดอลลาร์/บาร์เรลเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่าการเปิดประเทศของจีนจะช่วยกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมัน
- สหรัฐเปิดเผยว่า PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 6.2%YoY ในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.8% และเฟด เปิดเผยว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.7% ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวลง 0.6% ในเดือนพ.ย.
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ประกอบกับ WTI ที่ปรับลงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,675-1,690 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• การท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่องและจีนเปิดประเทศ : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
• หุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับขึ้นตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ : GPSC BGRIM RATCH
• หุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน : EA TSE SSP SUPER PRIME
• หุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า : EA GPSC BCP OR DELTA
• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BBL COM7 CPALL
หุ้นรายงานพิเศษ
SAF (mai/ Industrial)
(ราคา IPO 1.93 บาท ราคาเหมาะสม Consensus n/a บาท)
•บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล ประกอบธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงบริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทยจากกลุ่มบริษัท Dorrenberg ประเทศเยอรมนี งวด 9M65 มีสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นเหล็กกล้าพิเศษสำหรับงานแม่พิมพ์ 70% งานเครื่องจักรกล 20% บริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ 4% และรายได้อื่น 0.30% สัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ให้แก่ลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ 42– 48% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 38-41% กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร 3–7% และกลุ่มอื่นๆ สัดส่วน 8–11%
•ปี 64 มีรายได้จากการขายและบริการ 214 ล้านบาท +19% มีปริมาณการขายเหล็กกล้าเกรดพิเศษสำหรับแม่พิมพ์เพิ่มขึ้น จากลูกค้าในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์เป็นหลัก รองลงมาเป็นลูกค้าในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากการเติบโตของการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนที่สูงขึ้น ประกอบกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด-19และราคาขายเหล็กเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการเหล็กที่เพิ่มขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก งวด 9M65 มีรายได้รวม 169 ล้านบาท +5%YoY จากการขายเหล็กกล้าเกรดพิเศษสำหรับแม่พิมพ์เพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นชดเชยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ลูกค้าลดหรือเลื่อนแผนบำรุงรักษาเครื่องจักร โดยมีกำไรสุทธิ 10.02 ล้านบาท +11%YoY จากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นถึง 30%การปรับเพิ่มตามราคาเหล็กกล้าในตลาดโลก และการควบคุมต้นทุนในการจัดจำหน่าย
•SAF มีทุนชำระหลังเสนอขาย 150 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 220 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 80 ล้านหุ้น มูลค่าระดมทุน 154.4 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 579 ล้านบาท เงินที่ได้จากการระดมทุนนำไปใช้ในการลงทุนสร้างคลังสินค้าและโรงงานแห่งใหม่ ลงทุนเครื่องเตาชุบแบบ ไนไตรดิ้ง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
•ราคา IPO คิดเป็น historical P/E ratio ที่ประมาณ 34.96 เท่า เปรียบเทียบกับ P/E ของ บมจ.สหมิตรเครื่องกล (SMIT) มี ที่ 9.31 เท่า ตลาด mai 57.50 เท่า และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม 28.55 เท่า
หุ้นมีข่าว
(+) BJC (Bloomberg consensus 40.38 บาท) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวว่า บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (Big C) ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ปัจจุบันถือหุ้นใหญ่โดยบมจ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ธุรกิจในกลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้เลือก Bank of America Corp. และ UBS Group AG เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) คาดระดมทุนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 33,093 ล้านบาท (ที่มา การเงินธนาคารออนไลน์)
(+) GLOBAL (Bloomberg Consensus 24.00 บาท) แย้มไตรมาส 1/2566 รับไฮซีซันหนุนยอดขาย SSSG โต บวกกำลังซื้อดีขึ้น คาดรายได้รวมปี 2566 โต 10% ลุยขยาย 7 สาขา ด้วยงบลงทุนราว 2.5 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าลดต้นทุนไฟฟ้าด้วยการติดโซลาร์รูฟไปกว่า 70 เมกะวัตต์ ลดภาระค่าไฟฟ้าปีละกว่า 300-400 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SELIC (Bloomberg consensus - บาท) เปิดกระเป๋ารับเงินขายเฮลธ์แคร์เข้าปีนี้ 400-500 ล้านบาท พร้อมใส่เกียร์เร่งเครื่องผลิตเต็มสูบ คาดดันผลงานปี 2566 โตก้าวกระโดดชน 2 พันล้านบาท จับตามาร์จิ้นฟู ชี้เปิดประเทศหนุนกาว สติกเกอร์ขายดี ลุยเจาะตลาดอาหารเครื่องดื่ม ตามกระแสเทรนด์รักษ์โลก เล็งพัฒนาสินค้าใหม่ลงสู่ตลาด (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PIMO (Bloomberg consensus 4.58 บาท) โชว์ฟอร์มเด่น คว้าออเดอร์ใหม่ออสเตรเลีย มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท แย้มแผนสยายปีกตลาดซาอุ คาดชัดเจนไตรมาส 2/2566 มูลค่าราว 100-200 ล้านบาท ปักธงยอดขายปี 2566 ยืนเหนือ 1.3 พันล้านบาท รับปัจจัยบวกสภาวะโลกร้อนความต้องการมอเตอร์พุ่ง จ่อทุ่มงบ 100 ล้านบาท ขยายไลน์ผลิต ขณะที่ BLDC โตก้าวกระโดด (ที่มา ทันหุ้น)