WHAUP - ฟื้นตัวปีนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2566)

นอกจากนี้ WHAUP ยังตั้งเป้ายอดขายน้ำเพิ่มขึ้น 16% เป็น 168 ล้านลบ.ม. สูงกว่าประมาณการของเราเล็กน้อย เราคาดการดำเนินงานของธุรกิจน้ำ (ในประเทศไทยและเวียดนาม) และไฟฟ้าจะฟื้นตัวปีนี้ ราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นปี แสดงว่ายังไม่ได้สะท้อนแนวโน้มที่ดีขึ้นของบริษัท ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นโอกาสให้ ซื้อ

 

สรุปผลการดำเนินงานปี 2022 และเป้าหมายปี 2023

WHAUP เซ็นสัญญา PPA โครงการโซล่าหลังคา 33MW (ต่ำกว่าเป้า 50MW) ซึ่งทำให้ยอด PPA เป็น 683MWe (โครงการแบบ conventional 547Mwe, โซล่าหลังคา 133MW และโครงการโรงไฟฟ้าขยะ 3MW) บริษัทตั้งเป้าเซ็นสัญญา PPA เพิ่ม 164MW ปีนี้ ทำใหยอด PPA รวมเป็น 847Mwe เราเชื่อว่าเป็นไปได้ถ้าโครงการ P2P energy trade ได้รับการอนุมัติ  WHAUP มียอดขายน้ำอุตสาหกรรมและบริการบำบัดน้ำเสียรวม 145 ล้านลบ.ม. (น้ำอุตสาหกรรมและน้ำประปา 112 ล้าน ลบ.ม., น้ำอุตสาหกรรม บริสุทธิและน้ำอุปราศจากแร่ธาตุ 5 ล้าน ลบ.ม., น้ำในประเทศเวียดนาม 28 ล้านลบ.ม.) และตั้งเป้าเติบโต 16% yoy เป็น 168 ล้านลบ.ม.ปีนี้ สูงกว่าประมาณการของเรา 6%

 

 

 

 

ประมาณการ 4Q22F

เราคาดกำไรธุรกิจหลัก 84 ลบ.ใน 4Q22F ลดลง 18% yoy และ 7% qoq เนื่องจาก i) ยอดขายน้ำลดลง 5% yoy ตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลงเป็น 60.2% ใน 4Q22 จาก 64.5% ใน 4Q21 เนื่องจากการส่งออกลดลง ii) ส่วนแบ่งขาดทุนจากDuong River เพิ่มขึ้นเป็น 56 ลบ. (จากปกติไตรมาสละ 26-36 ลบ. เนื่องจากการให้ส่วนลดแก่ลูกค้า) ถึงแม้ว่า อัตราการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของกำลังการผลิต iii) ผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้ายังอ่อนแอเพราะ Gheco-One มีการปิดซ่อม เราคาดกำไรธุรกิจหลัก FY22F อยู่ที่ 508 ลบ. ลดลง 41% yoy และต่ำกว่าประมาณการของเรา  ถ้ารวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรสุทธิใน 4Q22 จะเป็น 165 ล้านบาทบริษัทจะประกาศผลการดำเนินงานวันที่ 23 ก.พ.

 

แนวโน้มฟื้นตัวในปี 2023

เรามองว่าผลประกอบการปีนี้จะฟื้นตัวจาก i) อุปสงค์การใช้น้ำในประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากลูกค้าที่ใช้น้ำปริมาณมากเปิดดำเนินการ ii) ผลการดำเนินงาน Duong River ดีขึ้นหลังปรับค่าน้ำเป็น 8,300 ดอง/ลบ.ม.ในปี 2023 และ 9,100 ดอง/ลบ.ม. ในปี 2024 (จาก 7,700 ดอง/ลบ.ม.ในปี 2022)  iii) ผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้าจะฟื้นตัว SPP จะกำไรเพิ่มขึ้นหลังค่า Ft ปรับขึ้น (จาก 0.9343 บาท/หน่วย ในเดือนก.ย.-ธ.ค. 2022 เป็น 1.5492 บาท/หน่วย ในเดือนม.ค-เม.ย. 2023 และคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับนี้ไปอีกระยะหนึ่ง) ในขณะที่ต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลง (<500 บาท/mmBTU)