SAPPE ผลประกอบการแข็งแกร่ง (7 ก.พ. 2566)
การส่งออกจะแข็งแกร่งจากการที่เงินบาทอ่อนค่าใน 4Q65F และในปี 2565F
SAPPE เผยว่ารายได้สำหรับปี 2565F โตตามเป้าที่ 30-35% และจำนวนออร์ในมือที่มีการทำการตลาดกับลูกค้าจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 20-25% ในปี 2566F ทั้งนี้เราคาดว่ารายได้ใน 4Q65F น่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 28% YoY แต่ลดลง 18% QoQ และในปี 2565F จะเพิ่มขึ้น 30% ทั้งนี้ รายได้ใน 4Q65F ที่เพิ่มขึ้น YoY จะสะท้อนถึงการส่งออกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งไปยังฟิลิปปินส์ ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย และอิสราเอล ในขณะ (ประเทศใหม่)ที่รายได้ที่ลดลง QoQ สะท้อนถึงรายได้สูงตามฤดูกาลในไตรมาสที่สาม
คาดว่ากำไรใน 4Q65F จะอยู่ที่ 120 ล้านบาท (+115% YoY -33% QoQ) และในปี FY2565F จะโต 50% แม้ว่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น และต้นทุนการผลิตยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง บริษัทยังรักษาระดับ GPM ใน 4Q65F ไว้ในระดับสูงได้ที่ 40.4% (จาก 40.9% ใน 4Q64) และในปี 2565F ที่ 40.3% (จาก 39.3% ในปี 2564) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY จะเป็นเพราะการส่งออกเพิ่มขึ้น และ GPM สูงขึ้น
แนวโน้ม – Margin/ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นจะหนุนให้กำไรโตในปี 2566
SAPPE ได้ใช้ 3 กลยุทธ์เพื่อเพิ่มรายได้และมาร์จิ้น ในปี 2566F กลยุทธ์แรก คือการปรับสายการผลิตสินค้าเพื่อขายในประเทศ (ประมาณ 10% ของการผลิตทั้งหมด) ไปใช้ระบบจ้างบุคคลภายนอกผลิตแทน (outsource) และใช้สายการผลิตที่มีอยู่ไปเน้นสินค้าเพื่อส่งออก ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่าสินค้าที่ขายในประเทศ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะทำให้มาร์จิ้นโดยรวมเพิ่มได้อีก ประมาณ 1-2% กลยุทธ์ที่สองคือ การส่งออกไปสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ปัญหาในสายโซ่อุปทานคลี่คลาย และจะขยายตลาดส่งออกเพิ่มอีกในอังกฤษ เชค และตะวันออกกลาง ส่วนกลยุทธ์ที่สาม คือการปรับขึ้นราคาขายสินค้าส่งออกในบางตลาดอย่างเช่น ฟิลิปปินส์ และตลาดอื่น ๆ ในเอเชีย ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับขึ้นราคาขายสินค้าส่งออกไปยุโรปไปแล้วในปี 2565
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565F/2566F/2567F ขึ้นอีก 8/15%/16% และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2566F เป็น 60 บาท
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นเพื่อสะท้อนถึง i) การปรับเพิ่มอัตราการเติบโตของรายได้ในปี 2565F/2566F/2567F เป็น 32%/23%/23% (จากเดิมที่ 30%/20%/23%) และ ii) การปรับเพิ่ม GPM เป็น 40.6%/41.5%/41.5% (จากเดิมที่ 40.6%/41%/40%) iii) การปรับลดสัดส่วน SG&A/รายได้ลงเหลือ 32%/32.5%/32.5% (จากปีละ 34.5%) เราใช้ PE ปี 2566 ที่ 24x ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2566F ใหม่ที่ 60 บาท (จากเดิมที่ 52.50 บาท) และยังคงคำแนะนำซื้อ SAPPE
Risks
ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน, และแรงกดดันทางด้าน margin