SVR - สิวารมณ์ : หุ้นอสังหาฯน้องใหม่เน้นแนวราบ

SVR - สิวารมณ์ : หุ้นอสังหาฯน้องใหม่เน้นแนวราบ

บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบประกอบด้วยบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ ภายใต้ชื่อ “สิวารมณ์”  หรือ “SIVAROM”  

ปัจจุบันมีโครงการอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นหลัก มีโครงการที่ขายหมดและปิดโครงการแล้ว 2 โครงการ  โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ขายและพัฒนา 6 โครงการ และโครงการในอนาคตที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 1 โครงการ วัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการ ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมได้เท่ากับ 3.07 บาทสำหรับปี 2566

 

ประเด็นสำคัญในการลงทุน

-  ความต้องการที่อยู่อาศัยยังเติบโต : ในช่วง 3 ปีข้างหน้าความต้องการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลมีแนวโน้มฟื้นตัวจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นและการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์  ทั้งนี้ ความต้องการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับดีขึ้นจากกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อในตลาดระดับกลางถึงบน โดยมีปัจจัยกระตุ้นจากพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยอาจเปลี่ยนไปหลังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อาทิ การทำงานที่บ้าน (Work from home) ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยในแนวราบมากกว่าคอนโดมิเนียม
 

 

 

-  ผลการดำเนินงานปี 2562 - 2564 และ 9M65 แสดงถึงการเติบโต : รายได้หลัก 80-90% มาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมีรายได้รวมสำหรับปี 2562 - 9M65 เท่ากับ 243.04 ล้านบาท 557.35 ล้านบาท 575.65 ล้านบาท และ 532.45 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตต่อเนื่องตามแผนขยายโครงการและแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านจัดสรร  โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 28.47 ร้อยละ 26.48 ร้อยละ 30.39 และร้อยละ 33.60 ตามลำดับ อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2563 ลดลงเนื่องจากการปรับลดราคาขายเพื่อให้แข่งขันกับคู่แข่งได้  โดยอัตรากำไรขั้นต้นปรับสูงขึ้นในปี 2565 จากการรับรู้รายได้โครงการใหม่ที่เริ่มพัฒนาในช่วง 2H64 ได้รับการตอบรับดีและมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น  ปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 5.15 ล้านบาท โดยพลิกมีกำไร 42.49 ล้านบาท 63.35 ล้านบาท และ 35.99 ล้านบาทในปี 2563 – งวด 9M65 ตามลำดับ

-  คาดกำไรปี 2565 หดตัว 7% และพลิกเติบโต 196% ในปี 2566 : ฝ่ายวิจัยประเมินรายได้จากการขายในปี 2565 – 2566 ราว 699 ล้านบาทและ 1,245 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 26% และ 78% ตามลำดับ ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปรับดีขึ้นสู่ 34.6% ในปี 2565 – 2566 ปรับดีขึ้นจากระดับ 30.8% ในปี 2564 ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิอยู่ที่ราว 59 ล้านบาทสำหรับปี 2565 และ 174 ล้านบาทสำหรับปี 2566 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 2563-2566 เท่ากับ 42% ต่อปี โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 8.4% ในปี 2565 และ 14.1% ในปี 2566
 

 

 

-  ประเมินราคาเหมาะสมราว 3.07 บาทต่อหุ้นสำหรับปี 2566: เราประเมินราคาเหมาะสมของ SVR ด้วยวิธี PER โดยใช้ Prospective PER ที่ระดับ 9 เท่าซึ่งต่ำกว่า PER เฉลี่ยของหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ระดับ 18 เท่า เราคาดกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2566 ราว 0.341 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมสำหรับปี 2566 ได้เท่ากับ 3.07 บาท

 

ปัจจัยเสี่ยง

i)    อุตสาหกรรมมีการแข่งขันสูงเป็นข้อจำกัดในการปรับเพิ่มราคาขาย  
ii)    การจัดหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง 
iii)    การว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง (Contractor) และการส่งมอบงานล่าช้า
iv)    โครงการกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ
v)    การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายด้านผังเมืองกระทบแผนธุรกิจ
vi)    ความผันผวนของราคาวัสดุส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าก่อสร้าง