รัฐเลื่อน 'เก็บภาษีขายหุ้น' หุ้นรายงานพิเศษ CENTEL
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีมีแรงขายเร่งตัวในภาคบ่าย กดดันดัชนีลบต่ำสุด ราว 11 จุด ปัจจัยกดดันมาจากกระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขส่งออก ม.ค. -4.5% แย่กว่าที่ตลาดคาด -1.4% แรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ขนส่ง อาหาร การเงิน และธนาคาร ส่วนแรงซื้อมาจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,612.64 จุด -7.34 จุด -0.45% มูลค่าการซื้อขาย 67,579 ลบ.ต่างชาติ -379.13 ลบ. TFEX +3,120 สัญญา ตราสารหนี้ +868.72 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด พุ่งขึ้น 341.73 จุด +1.05% หลังจากนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา สนับสนุนให้เฟดชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ +0.6% ปิดที่ 78.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับสัญญาณบ่งชี้การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก และการที่ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาสนับสนุนให้เฟดชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
+ เฟดสาขาแอตแลนตาประเมินว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจะเริ่มปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ (มี.ค.-พ.ค.) จึงเห็นว่าเฟดควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% อย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีต่อเศรษฐกิจ
+ กระทรวงการคลังมีแววถอยเรื่องเก็บภาษีขายหุ้นเนื่องจากต้องพิจารณาทบทวนการประกาศบังคับใช้
ปัจจัยลบ
- คณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐลงมติ เห็นชอบตามแนวทางของพรรคด้วยคะแนนเสียง 24 ต่อ 16 ให้อำนาจประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการแบนติ๊กต๊อก (TikTok)
- สำนักข่าวสกายนิวส์รายงานว่า ตัวอย่างไวรัสไข้หวัดนกที่ได้จากเด็กหญิงชาวกัมพูชาที่เสียชีวิตมีการกลายพันธุ์ ซึ่งทำให้ไวรัสสามารถปรับตัวเข้ากับเซลล์ของมนุษย์ได้ดีขึ้น
- สหรัฐอนุมัติการขายขีปนาวุธและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้กับไต้หวัน เพื่อใช้งานร่วมกับเครื่องบินขับไล่ F-16 ด้านจีนส่งเครื่องบินรบบินเข้าใกล้ไต้หวันเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือนหลังเกิดดีลดังกล่าว
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 190,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 195,000 ราย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มีโอกาส Rebound ระยะสั้น หลัง Fund Flow นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการขายลง ประกอบกับมีแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศจากการที่รัฐบาลเลื่อน"เก็บภาษีขายหุ้น" มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,610-1,625 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• จีนเปิดประเทศ+เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC STPI
• BOI ส่งเสริมการลงทุนชิ้นส่วน EV : EA GPSC BCP DELTA PIMO FPI
• หุ้นปันผลดี : ADVANC TISCO SCB PT SMIT
หุ้นรายงานพิเศษ
CENTEL (Bloomberg Consensus 58.00 บาท)
“มุมมองเชิงบวกต่อภาพการเติบโตในอนาคตของบริษัท”
•ผลการดำเนินงานปี 22 บริษัทมีกำไรสุทธิ 398 ลบ. พลิกจากในปี 21 ที่ขาดทุน 1,734 ลบ. โดยมีรายได้รวมที่ 18,216 ลบ. +57%YoY มาจากรายได้ธุรกิจโรงแรม 6,541 ลบ. +180%YoY โดยมี Occupancy Rate ที่ 52% ARR 4,791 บาท RevPar 2,486 บาท (ขณะที่ปี 21 มี Occupancy Rate ที่ 19% ARR 4,460 บาท RevPar 849 บาท) และรายได้จากธุรกิจอาหาร 11,675 ลบ. +25%YoY จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง มี %GPM ที่ 58% ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 21 ที่ 57% และ %EBITDA ที่ 24% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 21 ที่ 17%
•แผนการเติบโตของบริษัทระยะ 5 ปี (2023-2027) ธุรกิจโรงแรม ปี 2023 เป้ารายได้ที่ 8 พันลบ. ปี 2027 ที่ 20 พันลบ. 5Yr CAGR ราว 27% และธุรกิจอาหาร เป้ารายได้ปี 2023 ที่ 15.3 พันลบ. ปี 2027 ที่ 22.9 พันลบ. 5Yr CAGR ราว 12% สำหรับปี 2023 ธุรกิจโรงแรม คาดอัตราเข้าพัก (Occupancy rate) ที่ 65-72% และคาด RevPar ราว 3,250-3,400 บาทและธุรกิจอาหาร คาด SSSG เติบโต 7-9%
•ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อภาพการเติบโตในอนาคตของบริษัท จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันซื้อ-ขายที่ P/E ราว 188x และ P/E ปี 23 ราว 45x อ้างอิงจาก Bloomberg Consensus ประกอบกับราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus ที่ 58.00 บาท ใกล้เคียงราคาปิด เราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
หุ้นมีข่าว
(+) BCH (Bloomberg consensus 23.70 บาท) ลูกค้าต่างชาติไหลเข้าปีนี้เกิน 8 หมื่นราย ลุยคลินิกพิเศษต่อยอดเติบโต ทั้งคลินิกมะเร็ง ศัลยกรรม IVF ดึงคนไข้เพิ่ม คนไข้ประกันสังคมเกิน 1 ล้านคน แย้มมีโอกาสเห็นการปรับรายได้ประกันสังคมจากภาครัฐหนุน เป้ารายได้ปีนี้ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เดินหน้าเปิดโรงพยาบาลเป็น 20 แห่ง ใน 5 ปี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) CEYE (ราคาเหมาะสม 7.12 บาท) รับงานโฆษณาจีนชิ้นแรกหลังโควิด แม่ทัพใหญ่ "สุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์" ตั้งเป้ารายได้ปี 2566 แตะ 450 ล้านบาท จากปี 2565 ทำได้ 362 ล้านบาท เตรียมเปิดกระเป๋าบุ๊กเงินลงทุน Post Production - Advertising Agency เต็มปี แย้มแผนลงทุนธุรกิจโฆษณาและแพลตฟอร์มต่างแดน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) RBF (Bloomberg consensus 11.90 บาท) ส่งซิกยอดขาย 2 เดือนแรกปีนี้แจ่ม หลังเปิดประเทศ กิจกรรมเศรษฐกิจหนุนดีมานด์การบริโภคขยายตัว เล็งออกสินค้าใหม่เจาะตลาดกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง ด้านยอดขายอินโดและเวียดนามขยายตัวดีต่อเนื่อง คาดไม่น้อยกว่า 30% ส่งสัญญาณ ออเดอร์จีนเริ่มไหลเข้า ยอดขายอินเดียเติบโตโดดเด่น วางเป้ารายได้ปี 66 โต 15-20% มั่นใจรักษามาร์จิ้นเหนือ 33% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MC (Bloomberg consensus 13.70 บาท) จับตาผลงานครึ่งหลังปี 2566 โดดเด่น หลังเศรษฐกิจและก่าลังซื้อในประเทศฟื้นตัว ชาวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวไทย มองรายได้จากการขายงบปี 2566 โตเหนือระดับ 20% และบรรทัดล่าง Bottom Line ขยายตัวได้สูงกว่า พร้อมทั้งคาด SSSG เติบโตได้สองหลัก หลังม.ค.-ก.พ. ทำได้ 30% และ 20% ตามลำดับ วางงบ 90 ล้านบาท รองรับการขยายจุดขายเพิ่มเป็น 100 จุด กางปีกรุกตลาดอาเซียน (ที่มา ทันหุ้น)