วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (27 มี.ค. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับลด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารในยุโรป
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน
- ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในยุโรปร่วงลงกว่า 2.3% โดยหุ้นดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ตกลง 5.4% หลังจากที่ต้นทุนประกันความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น ในขณะที่หุ้นเครดิต สวิส และหุ้นยูบีเอส ร่วงลง 6.4% และ 6.3% ตามลำดับ หลังสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ทั้งสองธนาคารอยู่ภายใต้การตรวจสอบของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ว่ามีส่วนในการช่วยเหลือให้รัสเซียหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรหรือไม่
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าที่ขึ้นกดดันราคาน้ำมันดิบ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับเพิ่มขึ้น 0.6% แตะระดับ 103.1 ส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดน้ำมันลดลง สำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น เนื่องจากสัญญาน้ำมันดิบจะมีราคาแพงขึ้น
- นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย กล่าวว่าการลดการผลิตน้ำมันของรัสเซียที่ประกาศก่อนหน้านี้ 500,000 บาร์เรลต่อวัน จะลดลงจากกำลังการผลิต 10.2 ล้านบาร์เรลต่อวันใน ก.พ. นั่นหมายถึงรัสเซียตั้งเป้าที่จะผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ระหว่าง มี.ค.-มิ.ย. ซึ่งเป็นการลดกำลังการผลิตที่น้อยกว่าที่คาดไว้ ว่ากำลังการผลิตของรัสเซียใน มี.ค. จะลดมาอยู่ที่ระดับ 9.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในเอเซียยังคงอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะญี่ปุ่น เกาหลีใต้และอินเดีย ในขณะที่อุปทานลดลงจากการส่งออกที่ลดลงของสิงคโปร์
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 1.85 % แตะระดับ 9.63 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงสุดในรอบ 17 สัปดาห์ อีกทั้งการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นของอินเดียและเกาหลีใต้