กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หุ้นรายงานพิเศษ PRI
วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก สลับลบ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่ในการขับเคลื่อนดัชนี โดยในช่วงบ่ายกนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาด พร้อมทั้งกนง.มีการคาดการณ์ GDP โต 3.6% ในปี 66 และ 3.8% ในปี 67
มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน และธนาคาร ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,610.52 จุด +3.61 จุด +0.22% มูลค่าการซื้อขาย 44,496 ลบ. ต่างชาติ -13.23 ลบ. TFEX +5,818 สัญญา ตราสารหนี้ +1,748.08 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด พุ่งขึ้น 323.35 จุด หรือ +1.00% หลังจากบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทไมครอน เทคโนโลยี เปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่สดใส ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
+ นายเชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน แสดงความยินดีต่อการที่สหภาพยุโรป (EU) ปลดปากีสถานออกจากบัญชีรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงสูง
+/- กนง.มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่ออีก 0.25% ยันยังไม่จบวงจร "ดอกเบี้ยขาขึ้น" ชี้เงินเฟ้อยังมีโอกาสสูงกว่าคาด ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ลงที่ 3.6% มองเศรษฐกิจไทยยังคงโตต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นหลัก
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 72.97 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาภาวะอุปทานน้ำมันในตลาด
- จีนเตือนว่าการพบปะใด ๆ ระหว่างประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ไช่ผู้นำไต้หวันกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธาน สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะถือเป็นการยั่วยุที่ร้ายแรง ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อการเดินทางไปสหรัฐของนางไช่
- ตัวเลขยอดค้าปลีกในสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวในปีนี้ ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความวิตกต่อวิกฤติในภาคธนาคาร ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค
- สศอ. รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.พ.66 อยู่ที่ระดับ 98.89 หดตัว 2.71%YoY จากปัจจัยสำคัญ คือ อุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอลง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า เช่น สหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้แกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เห็นได้จาก VIX Index (มาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ) ที่เริ่มอ่อนตัวลง มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,605-1,615 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC STPI
• BOI ส่งเสริมการลงทุนชิ้นส่วน EV : EA GPSC BCP DELTA PIMO FPI
• หุ้นปันผลดี : ADVANC TISCO SCB PT SMIT
• จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น : AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW
หุ้นรายงานพิเศษ
PRI - “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
ปี 66 มีโอกาสเติบโตต่อจากปี 65 ที่เป็น all time high
•รายงานผลประกอบการ 4Q65 ทำสถิติ all time high กำไรสุทธิ 84 ลบ. (+41%QoQ +96%YoY) จากการเติบโตของรายได้การให้บริการ (+31%QoQ , +96%YoY) และรายได้จากการขาย (+38%QoQ , +33%YoY) ปี 2565 มีรายได้รวม 915 ลบ. +87%YoY เนื่องจาก 1) รายได้จากการเป็นที่ปรึกษาและออกแบบด้านวิศวกรรมเพิ่มขึ้น บวกกับการให้บริการฝึกอบรม UPM Academy เพิ่มขึ้น 57 คอร์ส ทำให้รายได้จากธุรกิจที่ปรึกษาและออกแบบทางวิศวกรรม +201%YoY 2) จำนวนโครงการภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นในธุรกิจการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ +113% YoY 3) จำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นทำให้มีความต้องการใช้บริการทำความสะอาดมากขึ้น และรายได้เพิ่มขึ้นจากให้บริการตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางโครงการอสังหาริมทรัพย์และตกแต่งภายในพื้นที่พักอาศัย หนุนรายได้ธุรกิจให้บริการหลังการขายอสังหาริมทรัพย์ +48%YoY ภาพรวมต้นทุนขายและบริการ +80%YoY จากค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นในการจ้างพนักงานเพิ่ม ค่าที่ปรึกษาและค่าธรรมเนียม +61%YoY กำไรสุทธิ 240 ลบ. +116%YoY อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 22.7% ในปี 2564 เป็น 26.3% ในปี 2565
•ปี 2566 มี backlog 250 ลบ.บริษัทมีแผนขยายงานให้บริการโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 150 โครงการจากปัจจุบัน 120 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เมืองหลัก เมืองรอง และเมืองสำคัญ เป้ารายได้ 1,300 ลบ. การเติบโตแบบ ORGANIC ในธุรกิจต้นน้ำจากโครงการภาครัฐมากขึ้น ธุรกิจกลางน้ำเติบโตด้วยรูปแบบ Service Standard ส่วนธุรกิจปลายน้ำให้บริการ Wash&Dry และการขยายสาขาร้านอุปกรณ์ตกแต่ง เป้าการให้บริการอบรม UPM Academy เพิ่มขึ้นจากเดิม 57 คอร์สเป็น 60 คอร์ส ช่วง 1H66 คาดว่าจะปิดดีล M&A ธุรกิจต้นน้ำ 1 บริษัท และการร่วมทุน (JV) ซึ่งกำลังมีการเจรจามากกว่า 3 ดีล
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาฯ และท่องเที่ยวหนุนผลประกอบการ 1Q66 เติบโตต่อเนื่อง ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้น 53%YTD ซื้อขายที่ระดับ P/E 50 เท่า แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
หุ้นมีข่าว
(+) ADVANC (Bloomberg consensus 238.00 บาท) พร้อมเดินหน้าซื้อ TTTBB แย้มสามารถปรับโครงสร้างธุรกิจทำกำไรได้ คาดทำธุรกรรมเสร็จในไตรมาส 2/2566 ย้ำชัดไม่เพิ่มทุนไม่อัดฉีด วางแผนโตร่วมกับพันธมิตร เห็นช่องหลากหลายธุรกิจอัจฉริยะ เดินหน้าตั้งทีมศึกษาแผนธุรกิจ Virtual BANK พร้อมเปิดยื่น ธปท. ทันทีที่เปิดควบคู่ตั้ง JV ร่วม KTB-GULF (ที่มา ทันหุ้น)
(+) NRF (Bloomberg consensus 4.30 บาท) ลุยสร้างโรงงานการกักเก็บคาร์บอน ผลตอบแทนเกิน 20% คาดแล้วเสร็จปลายปี 2568 แย้มเอกชนในไทยดีลสร้างโรงงานหลายแห่ง หวังชดเชยคาร์บอน พร้อมเก็บคาร์บอนเครดิตจำหน่าย มั่นใจเติบโตระยะยาว อนาคตสดใส ซุ่มเจรจาสัมปทานป่าในต่างประเทศ แย้มกองทุนยุโรปจีบลงทุน Plant-Based Food (ที่มา ทันหุ้น)
(+) EA (Bloomberg consensus 96.50 บาท) ปักธงรายได้ปีนี้ทะยานสู่ 4 หมื่นล้านบาท ธุรกิจ อีวีปั๊มเงินสนั่น 2 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าส่งมอบรถทุกชนิดไม่ต่ำกว่า 4 พันคัน ชี้องค์กรต้องการลดคาร์บอนเปิดช่องดีลลูกค้าต่อเนื่อง วางงบ 1 หมื่นล้านบาท ขยายโรงงานแบตเตอรีเป็น 4GW พร้อมเปลี่ยนแผงโซลาร์ และลงทุนโรงงานไบโอเจ็ต (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) SABINA (Bloomberg consensus 30.00 บาท) ปิดดีลซื้อหุ้น "โมดา" ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกในฟิลิปปินส์ รุกถือหุ้นใหญ่ 77.33% มั่นใจธุรกิจโตตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์และกำลังซื้อขยายตัวสูง ขณะที่ SABINA ทยอยรับรู้รายได้และกำไรตามสัดส่วนถือหุ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 ดันงบการเงินรวมแข็งแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)