ประเทศไทยไปต่อ หุ้นรายงานพิเศษ III (15 พ.ค. 66)

ประเทศไทยไปต่อ หุ้นรายงานพิเศษ III (15 พ.ค. 66)

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่อง ลงต่ำสุดถึง -17 จุด จากแรงขายหุ้น Big Cap. กดดันดัชนี ทั้งกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก และอิเล็กทรอนิกส์ แต่มีแรงซื้อกลับในภาคบ่าย ทำให้ดัชนีลดช่วงลบลง นักลงทุนติดตามการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,561.35 จุด -6.05 จุด -0.39% มูลค่าการซื้อขาย 57,109 ลบ.ต่างชาติ -2,257.54 ลบ. TFEX -27,826 สัญญา ตราสารหนี้ -161.75 ลบ.

 

ปัจจัยบวก  

+ ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของกกต.(99%) รายงาน เมื่อวันที่15 พ.ค.66 เวลา 04.15น. ทั้ง ส.ส.แบบเขตและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ปรากฏว่า อันดับ 1 พรรคก้าวไกล 133 ส.ส.เขต บัญชีรายชื่อ 35 รวม 148 อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย 111 บัญชีรายชื่อ 27 รวม 138 อันดับ 3 พรรคภูมิใจไทย 68 บัญชีรายชื่อ 2 รวม 70 อันดับ 4 พรรคพลังประชารัฐ 39 บัญชีรายชื่อ 1 รวม 40 อันดับ 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ 23 บัญชีรายชื่อ 11 รวม 34 อันดับ 6 และพรรคประชาธิปัตย์ 22 บัญชีรายชื่อ 2 รวม 24 ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก
+ สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เตรียมสร้างศูนย์พัฒนาชิปในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมชิปของญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้
+ ครม.อนุมัติขยายระยะเวลาของมาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติจากเดิมสิ้นสุดในปี 65 ออกไปอีก 3 ปี จนถึงปี 68 คาดจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนภายใน 3 ปี ปีละ 2,000 ล้านบาท

 

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 8.89 จุด หรือ -0.03% นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ซึ่งปรับตัวลงหลังจากทะยานขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.1%
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 83 เซนต์ หรือ -1.17% ปิดที่ 70.04 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 1.8% ในรอบสัปดาห์เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงในเดือนพ.ค.
 

 

- ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงในเดือนพ.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและวิกฤติในภาคธนาคาร โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคร่วงลงสู่ระดับ 57.7 ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 63.0 จากระดับ 63.5 ในเดือนเม.ย.
- อาร์เจนตินา เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสู่ระดับ 109%YoY ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และสร้างความไม่พอใจให้กับผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
- ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนไทยอยู่ที่ 89% ต่อ GDP จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายปรับตัวสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนไทยจึงปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 10% จากก่อนเกิดโควิด-19

 

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น โดยมีแรงหนุนจากผลการเลือกตั้งในประเทศ ที่ชัยชนะเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งนี้ประชาชนยังคงติดตามการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลที่คาดว่าจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,560-1,575 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น : AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL COM7 CPALL
• หุ้นที่ได้ประโยชน์หลังเลือกตั้งอยู่ในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ค้าปลีก และนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ PYLON SEAFCO CK CPALL MAKRO BJC CPN CRC WHA AMATA
• หุ้นเข้าคำนวณ MSCI Equity Indexes เข้า MAKRO ออก JMT, TU และ MSCI Small Cap Indexes เข้า JMT, TIDLOR, SAPPE, SISB ,TU ออก – มีผลวันที่ 31พ.ค.

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

III – “ซื้อ” Bloomberg Consensus 17.18 บาท
“มุมมองบวกต่อผลประกอบการ 1Q66 ต่อเนื่องไปยังช่วงที่เหลือของปี 66”

ประเทศไทยไปต่อ หุ้นรายงานพิเศษ III (15 พ.ค. 66)

•งวด 1Q66 มีกำไร 149 ลบ. +32%YoY -65%QoQ แม้มีรายได้ 437 ลบ. -41%YoY -24%QoQ หดตัวจากค่า Freight ทั้งทางอากาศและทางเรือที่ลดลง 55%YoY และ 80%YoY ตามลำดับ ขณะที่ %GPM ปรับดีขึ้นสู่ 21% (1Q65 = 16%, 4Q65 = 29%) ตามค่า Freight ที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี รายได้ที่หดตัวลงถูกชดเชยจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นสู่ 146 ลบ. +88%YoY จากการที่ ANI มีสัดส่วนการลงทุนใน Asia GSA (M) เพิ่มขึ้น และ SAL มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก AOTGA ที่โตตามปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินที่มากขึ้น นอกจากนี้งวด 4Q65 มีกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรมการลงทุน Asia GSA (M) 321 ลบ. หากตัดรายการพิเศษออก กำไรงวด 1Q66 จะเติบโต 32%YoY +41%QoQ

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 1Q66 ต่อเนื่องไปยังช่วงที่เหลือของปี 66 หลังผ่านพ้นช่วง Low Season ประกอบกับคาดค่า Freight ทั้งทางอากาศและทางเรือผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมมีแนวโน้มเร่งขึ้นตามปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินที่มากขึ้น โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 66 ราว 719 ลบ. -10%YoY (หากตัดกำไรพิเศษปี 65 ออก กำไรปกติปี 66 จะเติบโตราว 38%) และราคาเหมาะสมราว 17.18 บาท Upside 41% แนะนำ “ซื้อ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) NEX (Bloomberg consensus 22.25 บาท) พลิกมีกำไรไตรมาส 1/2566 ที่ 152 ล้านบาท จากขาดทุน 62 ล้านบาท รายได้แตะ 3,210 ล้านบาท กระฉูด 1,978% ดีมานด์อีวีดีต่อเนื่อง แนวโน้ม ค่าไฟฟ้าถูกลง ตั้งโรงงานมอเตอร์รองรับการผลิต ช่วยลดต้นทุน เป้าอีวีเชิงพาณิชย์ถูกที่สุดในไทย เผยไตรมาส 2/2566 ส่งมอบรถมากกว่าพันคัน ทั้งปีส่งมอบไม่ต่ำ 4 พันคัน รายได้มั่นใจไม่ต่ำ 2 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SUN (Bloomberg consensus 8.00 บาท) ผลงานไตรมาส 2/2566 โตต่อ มีสินค้าส่งรอมอบ อีกกว่า 3,000 ตู้คอนเทนเนอร์ มั่นใจผลผลิตข้าวโพดหวานปีนี้เติบโตที่ 200,000-240,000 ตัน ตามเป้าหมาย อยู่ระหว่างติดตั้งเครื่อง Hydrolock ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 30% จ่อ COD มิ.ย. 2566 และมีแผนขยาย Mini Factory เพิ่มอีก 1 โรง เพื่อรองรับสินค้าพร้อมทานเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAK (Bloomberg consensus 6.65 บาท) ฉายแววไตรมาส 2/2566 โดดเด่น หลังเข้า ไฮซีซันเพาะปลูกของเกษตรกร หนุนความต้องการสินเชื่อขยายตัว ยิ้มสาขาใหม่ปั๊มยอดลูกค้าเพิ่ม 15-20% ย้ำยังคุม NPL ระดับ 2.5% มั่นใจเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อรวมปี 2566 โตกว่า 25% จากปีก่อน หรือแตะที่ระดับ 13,800 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CBG (Bloomberg consensus 82.00 บาท) ผู้บริหาร CBG ลั่น ผลงานของบริษัทผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ไตรมาส 2/2566 ฟื้นตัว ต้นทุนลดลงทั้งอะลูมิเนียม พลังงาน หนุนมาร์จิ้น ยอดขายพุ่ง คงราคาโกยมาร์เก็ตแชร์เพิ่ม ทั้งปีมั่นใจรายได้ตามเป้า 20% ตลาดจีนขยายตัว ปีนี้มุ่งขยายตลาดเวียดนามได้ตัวแทนจำหน่ายดีขึ้น เล็งขายเบียร์ไตรมาส 4/2566 หนุนรายได้ (ที่มา ทันหุ้น)