กลุ่มค้าปลีกยังน่าสนใจ ขณะที่ภาพรวมอาจผันผวนระหว่างการต่อรองตั้งรัฐบาล
ผลการนับคะแนนก้าวไกลมีโอกาสได้ที่นั่งส.ส.สูงสุด ผลการเลือกตั้งทั่วไปอย่างไม่เป็นทางการ พรรคก้าวไกลมีแนวโน้มเป็นพรรคที่ได้ส.ส.สูงสุด 151 คน (แบบเขต 113 และบัญชีรายชื่อ 38) ตามมาด้วยเพื่อไทยคาดว่าจะได้ส.ส. 141 คน (แบบเขต 112 และบัญชีรายชื่อ 29)
ตามมาด้วยภูมิใจไทย 70 คน, พลังประชารัฐ 40 คน และ รวมไทยสร้างชาติ 36 คน ทั้งนี้ ผลของการเลือกตั้งทำให้เราประเมินฉากทัศน์หลังการเลือกตั้ง มี 3 ทางเลือก ได้แก่ 1) ก้าวไกลกับเพื่อไทย จับมือตั้งรัฐบาล (โอกาส 40%) 2) เพื่อไทยจับมือกับพรรคอื่นๆตั้งรัฐบาล (โอกาส 50%) และ 3) สูญญากาศทางการเมือง ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ (โอกาส 10%) // เรามองฉากทัศน์ที่ 1 และ 2 เป็นบวก และมีเพียงฉากทัศน์ที่ 3 ที่เป็นลบ
• ทั้งนี้จากการที่เพื่อไทยอยู่ในสถานะผู้กำหนดทางเลือก หากมองในมุมของผลตอบแทนและอำนาจในการต่อรอง เรามองฉากทัศน์ที่ 2 (เพื่อไทยจับมือกับพรรคอื่นโดยไม่มีก้าวไกล) มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด และให้ผลตอบแทนต่อพรรคเพื่อไทยสูงสุด (ทั้ง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและอำนาจต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกับพรรคอืนๆ)
• ทั้งนี้ความชัดเจนของการเมืองหลังเลือกตั้งคาดจะส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของการบริโภคและบวกต่อหุ้นที่เน้นการบริโภคในประเทศ อาทิ ADVANC, AMATA, BDMS, BJC, CPALL
• สำหรับกลุ่มไฟฟ้า เรายังคงมองบวกในเชิงพื้นฐาน อย่างไรก็ตามจากการที่พรรคก้าวไกลเคยอภิปรายเกี่ยวกับธุรกิจไฟฟ้า ทำให้เรามองในระยะสั้นมีโอกาสที่ตลาดจะกังวลถึงการปฏิรูปธุรกิจไฟฟ้าที่อาจกระทบต่อ GULF และหุ้นไฟฟ้าอื่นได้
ภาพรวมกลยุทธ์: ผันผวนระหว่างรอความชัดเจนตั้งรัฐบาล ยังลุ้นภาพใหญ่เป็นการเคลื่อนไหวออกข้างที่มีกรอบการฟื้นตัวด้านบนในระดับ 1,600-1,650 จุด โดยมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,570-1,580 และแนวรับที่ 1,540-1,550 จุด เน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned)
หุ้นแนะนำ: PTG*, BJC, MAJOR*, SAMART*
แนวรับ: 1,550 / แนวต้าน : 1,573-1,580 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค. – โดยปรับตัวลงในเดือนพ.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและวิกฤติในภาคธนาคาร ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคร่วงลงสู่ระดับ 57.7 ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 63.0 จากระดับ 63.5 ในเดือนเม.ย.
เยลเลนจ่อหารือกับกลุ่มล็อบบี้ทางธนาคาร หวังปรับเพิ่มเพดานหนี้ – ซึ่งจะมีในสัปดาห์หน้า การประชุมของนางเยลเลนกับคณะกรรมการ ซึ่งรวมถึงนายเจมี ไดมอน ผู้บริหารระดับสูงของเจพี มอร์แกน (JP Morgan) และนางเจน เฟรเซอร์ จากซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) ถูกรายงานครั้งแรกโดยเว็บไซต์ข่าวโพลิติโค กระทรวงการคลังระบุว่า รัฐบาลกลางของสหรัฐอาจใช้เงินทุนจนหมดก่อนกำหนดชำระหนี้ ในวันที่ 1 มิ.ย. เว้นแต่จะปรับเพิ่มเพดานหนี้
คาด GDP ไทยโต 2.3% ใน Q1 - เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาส 1/2566 โดยคาดว่าจะขยายตัว 2.3% yoy จากระดับ 1.4% ในไตรมาส 4/2565 และคาดว่าจะขยายตัว 1.7% mom หลังจากที่หดตัวลง 1.5% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น
ผลการเลือกตั้งไทย - จำนวนที่นั่งส.ส. รวมแบบรายเขตและบัญชีรายชื่อ 1) ก้าวไกล 151 ที่นั่ง 2) เพื่อไทย 141 ที่นั่ง 3) ภูมิใจไทย 70 ที่นั่ง 4) พลังประชารัฐ 40 ที่นั่ง และ 5) รวมไทยสร้างชาติ 36 ที่นั่ง โดยกกต. จะแถลงผลในเช้าวันนี้เวลา 10.30 น.
ประเด็นติดตาม: 16 พ.ค. – US Retail Sales / 17 พ.ค. – US Building Permits, EU CPI / 18 พ.ค. – US Existing Home Sales / 23 พ.ค. – US Services PMI, New Home Sales
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)