กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ น่าจะรีบาวนด์ก่อน แต่ยังต้องติดตามประเด็นการจัดตั้งรัฐบาล

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ น่าจะรีบาวนด์ก่อน แต่ยังต้องติดตามประเด็นการจัดตั้งรัฐบาล

น่าจะดีดกลับในช่วงสั้นจากความชัดเจนของผลการเลือกตั้ง แต่ยังต้องติดตามการตั้งรัฐบาลใหม่ ในสัปดาห์ที่แล้ว (8-12 พฤษภาคม) ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นดีกว่าที่เราคาดเอาไว้เล็กน้อย

เพราะตลาดตอบรับในเชิงบวกกับปัจจัยมหภาคสหรัฐ อย่างเช่น  i) รายงานการจ้างงานเดือนเมษายนที่แข็งแกร่งเกินคาด และ ii) สัญญาณจาก FOMC ที่น่าจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยไปก่อนในช่วงนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนสถาบันในประเทศยังเข้าซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผู้จัดการกองทุนเก็งผลการเลือกตั้ง และความเป็นไปได้ที่จะมีการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคออกมาอีก

 

สำหรับในสัปดาห์นี้ (15-19 พฤษภาคม) เราคาดว่าดัชนี SET น่าจะดีดกลับได้ในระยะสั้น จากความชัดเจนของผลการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ ซึ่งในขณะที่เขียนบทวิเคราะห์ฉบับนี้ สองพรรคฝ่ายค้านในรัฐบาลชุดนี้ คือ เพื่อไทย และก้าวไกล น่าจะได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ (> 300 ที่นั่ง) ดังนั้น จึงมีโอกาสสูงที่ทั้งสองพรรคจะพยายามตั้งรัฐบาลผสม ทั้งนี้ เมื่อมองเลยต่อไปเกินกว่าระยะสั้น นักลงทุนน่าจะยังต้องติดตาม i) การรวมตัวของเพื่อไทย และก้าวไกลจะสามารถตั้งนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เพื่อตามรัฐธธรรมนูญฉบับปัจจุบันต้องใช้เสียงจากวุฒิสภาด้วย ii) ถ้ามีการปฏิรูปครั้งใหญ่ หรือมีการปรับเปลี่ยนในเชิงเศรษฐกิจและสังคมอาจจะส่งผลกระทบกับธุรกิจ และตลาดหุ้นไทยได้

 

 

ติดตามยอดค้าปลีกสหรัฐ, GDP ของไทยใน 1Q66 และสถานการณ์การเมืองไทย

ปัจจัยภายนอก: ต้องติดตามยอดค้าปลีกเดือนเมษายนของสหรัฐ ที่จะประกาศในวันที่ 16 พฤษภาคม ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลขที่สำคัญที่สุดในสัปดาห์นี้ โดย Consensus คาดว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.7% MoM หลังจากที่หดตัวลง 0.6% MoM ในเดือนมีนาคม และอาจจะทำให้นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้

ปัจจัยในประเทศ: เรามองว่าปัจจัยภายในจะมีน้ำหนักกับตลาดมากขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ สภาพัฒน์ฯ จะรายงานตัวเลข GDP 1Q66 ของไทย ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของเราคาดว่าจะขยายตัว 3.9% YoY ในขณะที่ Bloomberg consensus ประเมินแบบอนุรักษ์นิยมมากกว่าเราที่ 2.3% YoY นอกจากนี้ ยังต้องจับตาการจัดตั้งรัฐบาลผสมซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้

 

ยังคงเน้นหุ้นในธีมการบริโภคภาคเอกชน และผลประกอบการพลิกฟื้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง

เรามองว่า i) ไม่ว่าขั้วการเมืองไหนได้จัดตั้งรัฐบาลก็น่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค และ ii) ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เราเชื่อว่าหุ้นในธีมการบริโภคภาคเอกชนยังน่าสนใจ อย่างเช่น CPALL*, MAKRO และ HMPRO* นอกจากนี้ เรายังชอบหุ้นในธีมผลประกอบการพลิกฟื้นในกลุ่มสถานีบริการน้ำมัน อย่างเช่น OR* และ PTG* ทั้งนี้ เมื่อเราเห็นภาพการตั้งรัฐบาลใหม่ และนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้นแล้ว เราน่าจะเพิ่มหุ้นเข้ามาในรายการแนะนำซื้อของเราอีก