วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง คาดจีนผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม
ทางเทคนิค ดัชนีฯ อยู่ในรูปแบบขาขึ้น Up Channel 1,526-1,575 จุด และอยู่ระหว่างการเลือกทิศทางว่าจะเป็นทิศทางขาลงไปที่ 1,520/1,500 จุด (หากร่วงต่ำกว่า 1,546 จุด)
หรือเลือกเป็นทิศทางขาขึ้นไปที่ 1,575 จุด (หากทะลุแนวต้าน 1,560 จุดขึ้นไปได้) ส่วนสัญญาณเทคนิคอื่น ๆ เช่น RSI Stochastic บ่งบอกถึงความเสี่ยงลดลงมีจำกัด
ไฮไลท์วันนี้: ปัจจัยบวก มาจากแนวโน้มการเปิดประชุมสภาฯ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เริ่มใกล้เข้ามามากขึ้น หลังจากวานนี้ กกต. ประกาศรับรองส.ส. อย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งหมด 100% ของ 400 เขต และ 100 ปาร์ตี้ลิสต์ ภายใน 35 วัน ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิม 60 วัน และคาดว่าจะเป็นผลบวกต่อหุ้นอิงนโยบายรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โครงการลงทุนขนาดใหญ่ นิคมอุตสาหกรรม)
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ จับตา 1) China: ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (Loan Prime Rate) ประเภท 1 ปี และ 5 ปี ลง 0.10% เป็น 3.55% และ 4.2% ตามลำดับ (Figure 1) หลังจากเพิ่งลดอัตราดอกเบี้ยประเภท Reverse Repo 7 วัน และ MLF 1 Year ไปในสัปดาห์ก่อนหน้า และในลำดับถัดไป คาดว่า PBOC จะมีการปรับลด RRR ลง 0.25% มาที่ 10.5% (จาก 10.75%) หลังจากเพิ่งลดไป 25 bps เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2023 ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องไหลเข้าระบบกว่า 5.3 แสนล้านหยวน (ประมาณ USD74,074mn คิดเป็น 0.42% ของ GDP) นอกจากนี้ Financial Times คาดว่า จีนจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพิ่มเติม อาทิ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานราว 1 ล้านล้านหยวน (USD140bn.) มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ผ่านการลดเงินดาวน์หรือผ่อนปรนข้อกำหนดการชำระเงินดาวน์ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้เติบโตปีนี้ได้ 5% (เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม China Play) 2) US Housing Starts เดือน พ.ค.: Consensus คาดลดลงมาอยู่ที่ 1.405 ล้านหน่วย เติบโต -1.2% MoM (ลดลงเมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. ที่ 1.401 ล้านหน่วย +2.2% MoM) เนื่องจากมาตรการควบคุมสินเชื่อและการปรับสูงขึ้นของราคาบ้าน และอัตราดอกเบี้ย เราคาดว่าอุปสงค์ที่ลดลง จะเป็นปัจจัยบวกต่อการลดแรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐฯ (Figure 2) ทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
กลยุทธ์ลงทุน: แนะนำ CBG คาดได้รับประโยชน์หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว และผลกำไรฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดแล้ว และ SNNP ERW ซึ่งมีโมเมนตัมบวก จากการเป็นหลักทรัพย์ที่ถูกเพิ่มคำนวณในดัชนี SET100 Index งวด 2H23 และรายงานกำไรเติบโตดีใน 2Q23E
Strategic daily picks
CBG ปิด 67.75 บาท/แนวรับ 65.50 บาท แนวต้าน 71.00 บาท
Consensus คาดจะเห็นการฟื้นตัว QoQ ได้ใน 2Q23 โดยประมาณการกำไรปกติที่ 371 ล้านบาท (+40.8% QoQ, -50% YoY) แม้ YoY จะยังชะลอตัวจากฐานสูงและราคาต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้น แต่คาดรายได้จะเห็นการฟื้นตัว QoQ ได้ ทั้งตลาดในและต่างประเทศ จากปัจจัยฤดูกาลที่เป็นช่วงฤดูร้อนซึ่งเป็น High season ของธุรกิจเครื่องดื่ม ทั้งนี้ Consensus ประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 2.01 หมื่นล้านบาท และ 1.8 พันล้านบาท ในปี 2023 พร้อมประเมินราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 72 บาท
SNNP ปิด 25.00 บาท/แนวรับ 24.20 บาท แนวต้าน 26.50 บาท
Consensus คาดแนวโน้มกำไร 2Q23 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ระดับ 160-165 ล้านบาท เนื่องจากคาดรายได้ในเวียดนามจะฟื้นตัว หลังหมดช่วงวันหยุดยาว และ GPM ขยายตัวต่อเนื่องอาจแตะระดับ 29% (+/-) จากการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้กำลังการผลิตโรงงานในเวียดนามมากขึ้น และต้นทุนการผลิตเริ่มปรับตัวลง โดย Consensus ประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปีนี้ที่ 6.37 พันล้านบาท และ 688 ล้านบาท ตามลำดับ พร้อมประเมินราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 25.25 บาท ส่วนในระยะสั้น มีผลบวกจากการเป็นหนึ่งใน 8 หลักทรัพย์ ที่ถูกเพิ่มคำนวณในดัชนี SET100 สำหรับงวด 2H23
ERW ปิด 4.76 บาท/แนวรับ 4.60 บาท แนวต้าน 4.96 บาท
Consensus คาดผลการดำเนินงานใน 2Q23 ยังคงเป็นกำไร โดยจะฟื้นตัวได้ดี YoY จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น แต่จะลดลง QoQ เพราะช่วง low season ของไทย แต่ยังมีโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ช่วยหนุนได้บ้างในเดือน มี.ค.-เม.ย. 2023 ทั้งนี้ Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 464 ล้านบาท ฟื้นตัวได้ดีจากปี 2022 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 224 ล้านบาท พร้อมประเมินราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 6 บาท อิง DCF (WACC 7.6%, TG 2.5%) ส่วนในระยะสั้น มีผลบวกจากการเป็นหนึ่งใน 8 หลักทรัพย์ ที่ถูกเพิ่มคำนวณในดัชนี SET100 สำหรับงวด 2H23