วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ประธานสภายังไม่ลงตัว

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด :  บล.โกลเบล็ก ประธานสภายังไม่ลงตัว

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนียืนในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ แต่มีแรงขายเร่งตัวช่วงท้ายตลาด ทำให้ดัชนีปิดในแดนลบ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน แรงขายหลักๆ มาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคาร คาดปัจจัยกดดันมาจากประเด็นทางการเมือง ที่ยังมีความไม่แน่นอน

โดยกระทรวงพาณิชย์ รายงานการส่งออกไทย เดือนพ.ค. หดตัว 4.6% ดีกว่าตลาดคาด มอง 2H66 แนวโน้มดีขึ้น ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,478.10 จุด -7.22 จุด -0.49% มูลค่าการซื้อขาย 34,786 ลบ.ต่างชาติ -1,729.04 ลบ. TFEX -11,393 สัญญา ตราสารหนี้ -3,433.80 ลบ.

 

ปัจจัยบวก  

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 212.03 จุด หรือ +0.63% หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟด
+ Conference Board เปิดเผย ผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 109.7 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 104.0
+ สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 3 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.9%
+ นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐมีแผนเดินทางเยือนจีนในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ เพื่อหารือด้านเศรษฐกิจระดับสูงเป็นครั้งแรกกับคู่เจรจาจากจีน
+ นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเทียนจิน ว่า เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2 มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งกว่าในไตรมาส 1 และคาดว่าอาจจะขยายตัวตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ราว 5%YoY
+ กระทรวงพาณิชย์เผยส่งออก พ.ค. -4.6% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 แต่ดีกว่าตลาดคาดที่ -8 ถึง -10% โดยภาพรวม 5 เดือนแรกของปี 2566 หดตัว -5.1%

 

ปัจจัยลบ 

 

 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.67 ดอลลาร์ -2.41% แตะที่ 67.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีสัญญาณ ว่าธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
- มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนก.ค. หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดยังไม่ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ย
- นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB เปิดเผยว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง และยังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะเหนือดัชนีราคาผู้บริโภคที่กำลังพุ่งสูงขึ้น
- รองโฆษกพรรคก้าวไกล แจ้งยกเลิกประชุมระหว่างพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยวันนี้ ซึ่งตามกำหนดการเดิมจะมีการหารือเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร
- แบงก์ชาติยอมรับเงินบาทผันผวนสูงเทียบภูมิภาค สาเหตุจากปัจจัยภายนอกราว 60-70% เตรียมผ่อนเกณฑ์ให้เงินทุนไหลออกมากขึ้น

 

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงต่อ โดยมีแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศ ซึ่งล่าสุดพรรคก้าวไกล ได้แจ้งยกเลิกประชุมกับเพื่อไทยวันนี้ เรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร คาดกรอบดัชนีในวันนี้ 1,470-1,485 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• สินค้าส่งออกเดือน พ.ค. ที่ยังขยายตัวได้ดี : SNC AH SAT HANA KCE PDJ
• SET50 หุ้นเข้า -TLI, WHA หุ้นออก - JMT, JMART SET100 หุ้นเข้า - AURA, BTG, ERW, MBK, SNNP, STEC, TASCO, TLI หุ้นออก - BEC, EPG, JAS KEX, ONEE, QH, RBF, SINGER
• ค่าระวางเรือขึ้นจากคลองปานามา หุ้นได้ประโยชน์ PSL TTA RCL

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

BA (Bloomberg Consensus 17.30 บาท)
เปิดเส้นทางบินใหม่ 3 เส้นทาง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด :  บล.โกลเบล็ก ประธานสภายังไม่ลงตัว

•ในเดือนกรกฎาคม BA จะกลับไปเปิดให้บริการเส้นทางบินอีก 3 เส้นทาง ตามแผน คือ 1. สมุย-ฮ่องกง ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้โดยสารทั้งชาวจีนและยุโรป 2. สมุย-เฉิงตู และ 3. สมุย-ฉงชิ่ง โดยเส้นทางเฉิงตูและฉงชิ่ง ช่วงที่เปิดบริการก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มี Load factor เฉลี่ย 80% คาดว่าการกลับมาเปิดบริการอีกครั้งในรอบนี้จะได้รับความนิยมเช่นเดิม โดยปัจจุบันผู้โดยสารชาวจีนมีสัดส่วนที่ 8-10% ของผู้โดยสารทั้งหมดของ BA

•บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 66 ที่ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 12,742 ล้านบาท มีผู้โดยสาร 4.40 ล้านคน จากปี 65 มีผู้โดยสาร 2.70 ล้านคน ให้บริการเที่ยวบิน 48,000 เที่ยวบิน จากปี 65 อยู่ที่ 29,000 เที่ยวบิน มี Load factor เฉลี่ย 76% ใกล้เคียงปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 76.10% และมีราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ย 3,400 บาทต่อที่นั่ง

•เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบของบริษัท ที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยว ประกอบกับการเปิดเส้นทางใหม่ช่วง 2H66 จะช่วยหนุนการเติบโต ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 66 ที่ 1,221 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 2,110 ล้านบาทในปี 65 เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) MINT (Bloomberg consensus 40.25 บาท) ฮือฮา ใช้ 21 ล้านดอลลาร์ ซื้อแบรนด์ซิซซ์เล่อร์ 100% ส่งผลเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ชื่อดังทั่วโลก ยกเว้น 3 ประเทศ ชี้จุดคุ้มเพียบที่ต้องจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ปีละ 4 ล้านดอลลาร์ เดินหน้าลุยเพิ่มจีน สิงคโปร์ อาเซียน ตะวันออกกลาง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAT (Bloomberg consensus 23.60 บาท) รับอานิสงส์ยานยนต์เติบโตดี ส่งออกขยายตัวในรอบ 8 เดือน มั่นใจรายได้ปี 2566 โตมากกว่าอุตสาหกรรม แย้ม Q3/2566 เริ่มรับรู้รายได้ส่งมอบรถไฟฟ้า โกยรายได้ส่งออกกว่า 100 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) DPAINT (Bloomberg consensus 9.50 บาท) ขายสินค้าไฮมาร์จิ้น ส่งเคมีภัณฑ์ก่อสร้างลงตลาด พร้อมเจาะทุกเซ็กเมนต์ทำเงิน ชี้รีโนเวตบ้านที่อยู่อาศัยดีมานด์ล้น ทุ่มงบลงทุน 200 ล้านบาท เพิ่มเครื่องผสมสีสิ้นปีครบ 860 เครื่อง แย้มมีดีล M&A และ JV หนุนฐานแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) RPH (Bloomberg consensus - บาท) มองธุรกิจครึ่งปีแรกสดใส ยอดผู้ป่วยในพุ่งเฉียด 70% จับตาครึ่งปีหลังโดดเด่น เล็งเพิ่มวอร์ดใหม่ไตรมาส 3/2566 ขนาด 30 เตียง รองรับปริมาณ IPD ที่ขยายตัวตามไฮซีซัน เดินหน้าลุยทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มฐานคนไข้ต่างชาติเต็มสูบ กางแผนอัดงบกว่า 700 ล้านบาท ลงทุนเสริมแกร่งธุรกิจ มั่นใจผลงานปี 2566 เติบโตตามเป้า 10-20% จากปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)