วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก รอโหวตนายกรัฐมนตรีรอบ2
วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีเร่งตัวขึ้นในช่วงสาย เคลื่อนไหวราว +11 จุด จากแรงซื้อหุ้น Big Cap. ทั้งกลุ่มค้าปลีก ธนาคาร ขนส่ง และกลุ่มการแพทย์ ส่วนกลุ่มปิโตรฯ เผชิญแรงขาย
โดยนักลงทุนจับตาการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบ2 และประเด็นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าจะรับพิจารณาวินิจฉัยคำร้องว่าสมาชิกส.ส.ของนายพิธาสิ้นสุดหรือไม่ ในวันที่ 19 ก.ค. นี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,528.77 จุด +10.85 จุด +0.71% มูลค่าการซื้อขาย 46,463 ลบ. ต่างชาติ +802.58 ลบ. TFEX +5,438 สัญญา ตราสารหนี้ -1,172.74 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด เพิ่มขึ้น 76.32 จุด หรือ +0.22% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน โดยตลาดได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้
+ นักท่องเที่ยวชาวอินเดียกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนให้เห็นว่าอินเดียซึ่งมีประชากรมากที่สุดในโลกยังคงเป็นตลาดสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าจีน
+ ททท. ตั้งเป้าหมายรายได้ในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ปี 2567 อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 1.92 ล้านล้านบาท ดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าไทยจำนวน 35 ล้านคน
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.27 ดอลลาร์ -1.7% ปิดที่ 74.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2/2566 ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า GDP 2Q66 ขยายตัว 6.3%YoY ซึ่งแม้ว่าขยายตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 4.5% ใน 1Q66 แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 7.3%
- ทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป และสหรัฐเผชิญกับภาวะอากาศร้อนจัด ขณะที่อุณหภูมิโลกพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงจนน่าตกใจ และผู้นำสหรัฐหาทางที่จะรื้อฟื้นการเจรจาด้านสภาพอากาศกับจีนอีกครั้ง
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.1% ที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 3.9% ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%
- รัสเซียประกาศยุติการมีส่วนร่วมในข้อตกลงส่งออกธัญพืชจากยูเครนผ่านเส้นทางทะเลดำ ก่อนที่ข้อตกลงดังกล่าวจะหมดอายุลงเพียงไม่กี่ชั่วโมง
- การเมืองในประเทศยังไม่มีเสถียรภาพ วานนี้ 8 พรรคร่วมรัฐบาลมีมติเสนอโหวต "พิธา" เป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้งในวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งอาจมีผลให้การจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อออกไปอีก
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนออกข้าง โดยนักลงทุนยังจับตาการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งมติ 8 พรรคร่วมรัฐบาล เสนอโหวต "พิธา" เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,520-1,535 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• สินค้าส่งออกเดือน พ.ค. ที่ยังขยายตัวได้ดี : SNC AH SAT HANA KCE PDJ
• ค่าระวางเรือขึ้นจากคลองปานามา หุ้นได้ประโยชน์ PSL TTA RCL
• 5 หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL CPALL SCB
• หุ้นได้ประโยชน์ราคาน้ำมัน : PTTEP PTT BCP ESSO
หุ้นรายงานพิเศษ
PTTEP (Bloomberg Consensus 169.00 บาท)
คาดกำไร 2Q66 ทรงตัวใกล้เคียง 1Q66
•ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือคิดเป็น 3% สู่ 75.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันในปี 23 และ 24 จะเติบโต 2% และ 1% ตามลำดับสู่ 102.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 103.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังสถานะการณ์ COVID-19 คลี่คลาย รวมถึงเฟดเตรียมยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
•คาดผลประกอบการ 2Q66 อยู่ที่ 1.97 หมื่นลบ. อ่อนตัวลง 4%YoY แต่เพิ่มขึ้น 2%QoQ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย YoY เนื่องจากราคาน้ำมันดูไบอ่อนตัวลง 27%YoY สู่ 77$/bbl แต่ราคาขายก๊าซฯ ทรงตัวที่ระดับ 6$/bbl ทำให้ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวลง 15% อยู่ที่ 47.5$/bbl ขณะที่ปริมาณการผลิตลดลงจาก 465 KBOED เหลือ 450 KBOED เนื่องจากการเปลี่ยนจากสัมปทานเป็นแบ่งปันผลผลิตกับทางภาครัฐ ด้านต้นทุนการผลิตทรงตัวที่ระดับ 27$/bbl เนื่องจากการเปลี่ยนจากสัมปทานเป็นแบ่งปันผลผลิตทำให้ค่าภาคหลวงปรับตัวลง แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวขึ้นหักล้างกัน นอกจากนี้มีกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงและมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 700 ลบ.ช่วยหนุนผลประกอบการ
•ความเห็น เรามีมุมมอง Neutral ต่อผลประกอบการ 2Q66 จะทรงตัว และคาดว่าราคาน้ำมันใน 3Q66 จะแกว่งตัวในกรอบ 70-80 $/bbl ช่วยหนุนผลประกอบการ 3Q66 อีกทั้งคาดว่าเฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%ในเดือน ก.ค. นี้ เราจึงแนะนำ “ซื้อสะสม”
หุ้นมีข่าว
(+) GUNKUL (Bloomberg consensus 4.80 บาท) เตรียมลงนามสัญญางานเคเบิลใต้น้ำ เกาะสีชัง มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท กลางกรกฎาคมนี้ เผยงานรับเหมา EPC ยังดีต่อเนื่อง ลุยประมูลงาน มั่นใจทั้งปีประมูลงานที่ 2.5 พันล้านบาท เดินหน้าโครงการพลังงานในเวียดนามเห็นโอกาส เพิ่มกำลังผลิต ปีนี้ผลงานดี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BANPU (Bloomberg consensus 9.20 บาท) มองผลงานครึ่งปีหลัง 2566 เด่น หลัง BPP เข้าซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ในสหรัฐ พร้อมบุ๊กรายได้-กำไร เข้าไตรมาส 3/2566 นี้ มองราคาก๊าซปีนี้เฉลี่ยที่ 4 ดอลลาร์ และราคาถ่านหินอยู่ที่ระดับ 120 ดอลลาร์ แม้ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่มองความต้องการใช้ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MASTER (Bloomberg consensus 106.00 บาท) บอร์ด MASTER ไฟเขียวทุ่มเงิน 70 ล้านบาท ลงทุนหุ้นคลินิกเสริมความงาม "Rattinan Medical Center" ถือหุ้นไม่เกิน 36% รุกศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะ ต่อยอดธุรกิจ พร้อมดันฐานต่างชาติ ด้านผู้บริหารส่งซิกครึ่งปีหลังสดใส ยอดจ่ายต่อบิลสูง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PRM (Bloomberg consensus 9.63 บาท) เปิดแผนกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง 2566 ลุยเรือขนส่งปิโตรเคมี และเรือกลุ่ม Offshore Support หลังดีมานด์เติบโต มองโอกาสซื้อเรือเพิ่มอีก 1-2 ลา ฟากผู้บริหาร "วิริทธิ์พล จุไรสินธุ์" คาดผลงานปี 2566 เป็นไปตามเป้า ธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศโต ส่วนธุรกิจเรือ Offshore Support มีสัญญาครบทุกลำ หนุนรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% (ที่มา ทันหุ้น)