วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (17 ส.ค. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเกือบ 2% จากความกังวลด้านเศรษฐกิจจีนแม้สต็อกน้ำมันลดลงมากกว่าที่คาดการณ์
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลด้านอุปสงค์น้ำมันในจีน หลังตัวเลขเศรษฐกิจของจีนอ่อนแอกว่าที่คาด รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารจีนเมื่อวานนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนที่อาจถดถอย
- ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันหลังมีการเปิดเผยข้อมูลรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 25-26 ก.ค. 66 ที่ผ่านมาว่าคณะกรรมการเฟด มีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุด แสดงถึงความไม่แน่นอนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้ จากรายงานประชุมของคณะกรรมการเฟด ยังคงให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับเงินเฟ้อเป็นลำดับต้นๆ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือน ก.ย. แต่อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ย.
+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ส.ค. 66 ปรับตัวลดลงกว่า 5.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 439.7 ล้านบาร์เรล โดยปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.3 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขการนำเข้าน้ำมันเบนซินของออสเตรเลียลดลง 28.6% MoM และ 15.2% YoY มาอยู่ที่ระดับ 5.0 ล้านลิตร ในเดือน มิ.ย. 66 สะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศที่ลดลง จากการเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการสิ้นสุดช่วงปิดซ่อมบำรุง ขณะที่อุปสงค์ยังคงมีแนวโน้มทรงตัว อย่างไรก็ตาม ราคาได้รับแรงหนุนจากการที่เกาหลีใต้มีแนวโน้มลดการส่งออกน้ำมันต่อเนื่อง ภายหลังรัฐบาลประกาศขยายเวลามาตรการลดภาษีน้ำมันต่อไปจนถึงเดือน ต.ค. 66 (จากเดิม ส.ค. 66)