วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (28 ส.ค. 66)

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน 

+ ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้น ตามตลาดน้ำมันสำเร็จรูปที่มีแนวโน้มตึงตัว หลังเกิดเหตุไฟไหม้ที่ถังเก็บน้ำมันที่โรงกลั่น Marathon Petroleum ซึ่งมีกำลังการกลั่นอยู่ที่ 596,000 บาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้มีการหยุดดำเนินการผลิตชั่วคราวเพื่อดำเนินการตรวจสอบผลกระทบและสร้างความกังวลต่อตลาดน้ำมันสำเร็จรูป โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ให้มีการปรับเพิ่มขึ้นกว่า 5% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน

+ ปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐ ปรับลดลงต่อเนื่องกว่า 9 เดือนติดต่อกัน โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะสำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ส.ค. ปรับลดลง 10 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 632 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ม.ค. 65

- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นในตะกร้าหลัก หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป ปรับลดลงจากความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานในภูมิภาคที่ตึงตัวขึ้นจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์

 

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังเกิดเหตุการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงกลั่นในยุโรปและสหรัฐฯ ขณะที่อุปทานในภูมิภาคยังทรงตัว หลังตลาดรอการประกาศโควต้าส่งออกรอบใหม่ของจีน อย่างไรก็ดี ราคาได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 19 สัปดาห์