วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง การแถลงนโยบายวันแรกของรัฐบาลเศรษฐา 1

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง การแถลงนโยบายวันแรกของรัฐบาลเศรษฐา 1

ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Up แนวต้าน 1,560/1,565 จุด แนวรับ 1,540 จุด (EMA 50 วัน)/1,530 จุด อิงรูปแบบ แท่งเทียนรายวัน เคลื่อนไหว Higher High, Higher Low ต่อเนื่อง ตั้งแต่กลางสัปดาห์เป็นต้นมา

สะท้อนโอกาสดัชนีฯ ปรับสูงขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมได้ในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี ทิศทางดัชนีฯจะเปลี่ยนเป็นสัญญาณขายทันที หากดัชนีฯ ร่วงต่ำกว่า 1,540 จุด

ประเด็นวันนี้ รอลุ้นรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ส.ค. (ประกาศวันพุธ) โดยตลาดคาดว่าจะมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น MoM จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งและราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวสูงขึ้น เป็นปัจจัยลบผลักดันให้ Cost push Inflation สัดส่วน 40% ของตระกร้าเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น ขณะที่ Demand pull Inflation สัดส่วน 60% ของตระกร้าเงินเฟ้อ มีแนวโน้มเร่งขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ยังดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลอย่างต่อเนื่อง โดย US Government debt เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น +USD1.43Trn นับจากวันผ่านกฎหมาย Debt Ceiling (มีบางส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ถูกสำรองไว้ใน TGA ประมาณ USD0.47Trn) ทำให้ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่ง ได้แก่ 1. ISM Service PMI เดือน ส.ค. ปรับตัวขึ้นเป็น 54.5 (Vs เดือนก่อน 52.7) 2. ISM MFG PMI แม้จะยังอยู่ในโซนหดตัว แต่ฟื้นตัวต่อเนื่องมาที่ 47.6 ในเดือน ส.ค. (Vs เดือนก่อนที่ 46.4) และ 3. GDP Now คาดการณ์ US 3Q23 GDP เติบโตสูงถึง 5.6% ยังคงเป็นปัจจัยเชิงลบต่อตลาดหุ้นเอเชีย ให้อยู่ในทิศทางขาลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ภายใต้แรงกดดันจากยิลด์พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งระยะสั้น 2 ปี และระยะยาว 10 ปี ยังคงมีแนวโน้มอยู่ในทิศทางขาขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงยาวนาน (Higher For Longer)

 

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง การแถลงนโยบายวันแรกของรัฐบาลเศรษฐา 1

ส่วนปัจจัยในประเทศ จับตาการแถลงนโยบายของรัฐบาลแบบไม่มีการลงมติต่อรัฐสภาวันแรก (กำหนดการประชุม 2 วัน) ระยะเวลารวม 29 ชั่วโมง (กำหนดการแถลงของครม. มีเวลา 5 ชั่วโมง สว. 5 ชั่วโมง สส. ฝ่ายรัฐบาล 5 ชั่วโมง และสส. ฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง) โดยประชุมวันนี้ ระหว่าง 9.00 น. ถึงเที่ยงคืน และวันอังคาร เวลา 9.00–23.00 น. โดยประเด็นสำคัญ คือ นโยบายใดบ้างที่พรรคเพื่อไทย เคยหาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้ง ได้รับการบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา 1 ทั้งนี้

ประมาณการ EPS เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว (Figure 1) ขณะที่ดัชนีได้มีการพักฐานลงมา ทำให้ Implied EPS / Est EPS ratio ลดระดับ Overbought ลงมาสู่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เป็นปัจจัยจำกัดขาลง (Figure 2) และสร้างโอกาสในการรีบาวนด์ของดัชนีในระยะสั้นได้

 

กลยุทธ์ลงทุน ซื้อขายเก็งกำไรในลักษณะ Trading band เนื่องจากดัชนีที่มีการพักฐานลงมาที่ 1,547 จุด (ณ วันที่ 8 ก.ย.) กลับเข้าสู่กรอบการลงทุนในระยะ 12 เดือนข้างหน้าที่ 1,463-1,553 จุด แนะนำกลยุทธ์ “ลงทุนสวนตลาด” (Contrarian investing) WHA AOT และ NER

 

 

 

Strategic daily picks

WHA    ปิด 5.25 บาท/แนวรับ 5 บาท แนวต้าน 5.65 บาท

WHA ปรับเป้ายอดขายที่ดินอุตสาหกรรมทั้งปีเพิ่มเป็น 2.5 พันไร่ (เดิม 1.75 พันไร่) ด้วยดีมานด์ที่แข็งแกร่ง ทั้งจากกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากการย้ายการผลิตกลุ่มลูกค้าจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ มายังประเทศไทยและเวียดนาม รวมทั้งเตรียมขายสินทรัพย์ (ที่ดิน 1.42 แสนตารางเมตร คิดเป็นมูลค่า 3.5 พันล้านบาท) ให้กับ WHART ภายในสิ้นปี 2023 จะช่วยหนุนรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 4.46 พันล้านบาท และประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 5.53 บาท

 

AOT    ปิด 71 บาท/แนวรับ 69.25 บาท แนวต้าน 73.50 บาท

AOT คาดรายได้ปี 2023 โตเกินเป้า 20% และกำไรสุทธิจะเติบโตตามรายได้ และในช่วงปลายปี 2024 (เดือน ต.ค.-ธ.ค. 2023) ทั้ง ICAO และ AOT คาดว่าธุรกิจการบินจะกลับมา 100% ทั้งนี้ AOT คาดจำนวนผู้โดยสารใน 4Q23 (เดือน ก.ค.-ก.ย. 2023) จะเติบโตกว่า 3Q23 (เดือน เม.ย.-มิ.ย. 2023) ราว 15% Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท และประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 81.98 บาท

 

NER   ปิด 4.92 บาท/แนวรับ 4.82 บาท แนวต้าน 5.25 บาท

บริษัทคงเป้าปริมาณการขายยางปี 2023E ที่ 480,000-500,000 ตัน (vs. ปริมาณการขายยาง 1H23 ที่ 257,052 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 52% ของประมาณการทั้งปีของเรา) ส่วนปริมาณการขายปี 2024E คาดทรงตัว-เติบโต 5% YoY โดยเน้นการขายในตลาด spot มากขึ้น เพื่อรอดูทิศทางราคายาง และเพิ่มสัดส่วนการขายในตลาดต่างประเทศมากขึ้นจากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนตัว (1H23 สัดส่วนปริมาณการขายในประเทศ : ต่างประเทศ เท่ากับ 60% : 40% vs. 1H22 ที่ 70% : 30%) KTX คาดกำไรสุทธิปี 2023E ที่ 1.47 พันล้านบาท ลดลง 16% YoY (1H23 คิดเป็นสัดส่วน 53% ของประมาณการทั้งปี) รวมทั้งประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 5.34บาท

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง การแถลงนโยบายวันแรกของรัฐบาลเศรษฐา 1