กลยุทธ์การลงทุน : บล.กรุงศรี SET Index ปี 2024 จะแตะ 1,800 ได้หรือไม่?
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การมีรัฐบาลใหม่และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการเป้าหมาย SET Index ของเราในปีหน้า โดยเราได้มีการพิจารณาจาก 4 ตัวแปรเพื่อกำหนดทิศทางของดัชนี
ได้แก่ (i) แนวโน้มกำไร (ii) กระแสเงินทุนต่างชาติ (iii) ภาพรวมทางการเมือง และ (iv) ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของกำไร คาด SET Index น่าจะอยู่ที่ 1.800 – 1.850 ในปีหน้า อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงด้านลบอยู่คือ (i) ความล้มเหลวในการดำเนินนโยบายการคลัง (ii) นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่เข้มงวดเกินไป และ (iii) ความร้ายแรงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ส่วนความท้าทายระยะยาวสำหรับประเทศไทยคือวินัยทางการคลังและการจัดการหนี้สาธารณะ
นักลงทุนกำลังมองไปที่ผลประกอบการปี 2024
สิ่งเหล่านี้ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังของมาตรการทางการคลังเชิงรุกมากขึ้นจากรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งในตอนนี้มาตรการระยะสั้นส่วนใหญ่ คือ เพื่อสนับสนุนค่าครองชีพและจะส่งผลกระทบอย่างจำกัดต่อตลาดทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ มาตรการกระตุ้นที่ใหญ่กว่า เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล (digital wallet) จะเริ่มดำเนินการในต้นปีหน้า นี่บ่งชี้ว่าปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางของ SET ในปีหน้า คือ อุปสงค์ในประเทศ ในรายงานกลยุทธ์ฉบับที่แล้ว เราประเมินว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้ (หากประสบความสำเร็จ) จะทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น 6% yoy ในปี 2024 ซึ่งจะส่งผลต่อตัวแปรหลัก 2 ประการที่อาจกำหนดทิศทางของตลาด: (i) ประมาณการกำไร ปีหน้าและ (ii) กระแสเงินทุนไหลเข้าจากนักลงทุนต่างชาติในหุ้นไทย
คาดประมาณการกำไรเติบโตแข็งแกร่งตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่เป็นตัวเงิน (Nominal GDP) ของไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการคาดการณ์กำไร การคาดการณ์ SET Index ปี2024 จะอิงกับประมาณการกำไรในปีถัดไป ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการคาดการณ์
nominal GDP (+7% yoy ในปี 2024) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราคาดว่ามาตรการของรัฐบาลจะมีประสิทธิภาพอย่างมาก เราคาดว่ากำไรต่อหุ้นของตลาดจะแตะระดับ 118 ในปี 2025F และหากใช้ค่าตัวคูณการซื้อขายที่ระดับ (-1.0SD) – (-0.75SD) ดัชนี
SET คาดว่าจะซื้อขายอยู่ที่ 1,800-1,850 สมมติฐานของเรายังคงค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเนื่องจากเราคำนวนเป้าหมาย SET กับค่าส่วนเบียงเบนมาตรฐานที่ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยเพื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงด้านลบ: (i) การภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
และ (ii) อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อาจสูงกว่าคาดในประเทศไทย
…ซึ่งจะเป็นตัวเร่งสำคัญในการดึงดูดกองทุนต่างประเทศเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ
คาดกองทุนต่างประเทศจะกลับมาไทยอย่างมีสาระสำคัญเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีขอย้ำอีกครั้งว่าสมมติฐานของเราอิงจากการเติบโตของการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตในอดีดสำหรับปี 2024 ทั้งนี้กระแส
เงินทุนไหลเข้าจากต่างชาติมีการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับการบริโภคภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด (รูปที่ 3) การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะเติบโต 6% ในปี 2024 ซึ่งสูงกว่าแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว 0.7-1%