วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ Dot plot เป็นลบระยะสั้น

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ Dot plot เป็นลบระยะสั้น

เฟดคงดอกเบี้ยขณะที่ภาพ Dot plot เป็นลบจากดอกเบี้ยที่น่าจะอยู่ในระดับสูงนาน ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25% ซึ่งเป็นไปตามตลาดคาด

อย่างไรก็ตามตลาดตอบรับเชิงลบในประเด็นที่เราคาด คือ การเปิดเผยภาพมุมมองดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล (Dot plot) อันใหม่ที่ Hawkish มากขึ้น โดยบ่งชี้ถึงดอกเบี้ยที่ยังมีโอกาสปรับขึ้นอีก 1 ครั้งในปีนี้ และดอกเบี้ยที่น่าจะอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน ขณะที่การปรับลดดอกเบี้ยลงในปีหน้า อาจจะเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้ง หรือ 0.50% (จาก Dot plot เดิมเมื่อ มิ.ย.66 ที่คาดจะลดลง 4 ครั้ง หรือ 1%) เรามองระยะสั้นตลาดมีโอกาสตอบรับเชิงลบจากความกังวลดอกเบี้ยสูงแป็นระยะเวลานานจะกระทบต่อผลประกอบการและบรรยากาศลงทุน

จุดสำคัญที่ต้องติดตามคือ ทิศทางการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน เมื่อวานเราได้พูดถึงความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้น (Earnings yield gap หรือ EYG) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำในรอบ 10 ปี และเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ตลาดระยะสั้นอาจะถูกเทขายเพื่อปรับระดับความถูกแพง เมื่อมองโอกาสที่ EYG จะขยับสูงขึ้นจะมาจากสองปัจจัย คือ 1) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับลง (ซึ่งไม่น่าเกิดเร็วๆนี้) และ 2) กำไรบจ.มีการปรับเพิ่มขึ้น (ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้) ดังนั้นปัจจัยติดตามที่สำคัญที่เราให้นักลงทุนจับตาคือ ทิศทางการปรับประมาณการกำไรบจ.ใน SET ซึ่งต่ำสุดไปเมื่อ 22 ส.ค. อย่างไรก็ตามความเสี่ยงการปรับลดประมาณการในช่วงไตรมาส 3/66 มีโอกาสเกิดขึ้นจากความล่าช้าของการใช้จ่ายงบภาครัฐ รวมไปถึงภาพการส่งออกที่ยังชะลอ ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยกดดัน SET Index ในช่วง ต.ค. แต่การปรับลดลงรอบนี้จะเป็นโอกาสซื้อ จากทิศทางประมาณการไตรมาส 4/66 ที่น่าจะฟื้นจาก High season ของทั้งการบริโภคและการท่องเที่ยว รวมไปถึงนโยบายภาครัฐที่น่าจะเริ่มชัดเจนขึ้น
 

ภาพรวมกลยุทธ์: การหลุด 1,520 ทำให้ SET มีความเสี่ยงในการซึมลง ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายไทย-สหรัฐฯ ที่กว้าง จะยังเป็นปัจจัยกดดันเงินทุนไหลออกที่กระทบหุ้นใหญ่ ทำให้การลงทุนจะอยู่ในรูปของการเก็งกำไรจนกว่าจะเห็นประมาณการกำไรบจ.ปรับขึ้นอย่างชั้ดเจน // หุ้นเด่นที่เราชอบในช่วง ก.ย.-ธ.ค. ได้แก่ PTTEP, TOP, PTG, OR / CPAXT, TIDLOR / AOT, AWC, SPA / CPN, AP

หุ้นแนะนำ: TRUE*, COM7*, PSP*, ASW*

แนวรับ: 1,490-1,500 / แนวต้าน : 1,520 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

เฟดคงดอกเบี้ยตามคาด - FOMC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plot) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง สู่ 5.6% ภายในสิ้นปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งสู่ 5.1% ในช่วงสิ้นปี 2567 และแตะ 3.9% ในช่วงสิ้นปี 2568 ขณะที่แตะ 2.9% ในช่วงสิ้นปี 2569 ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ 2.5% 

โกลด์แมน แซคส์คาด โอเปคคงราคาน้ำมันดิบ – ด้วยอุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้น และการปรับลดอุปทานที่ขยายระยะเวลาออกไป ได้ผลักดันให้ตลาดเข้าสู่ภาวะขาดดุล และจะทำให้โอเปคสามารถรักษาราคาน้ำมันดิบเบรนท์ให้อยู่ในช่วงระหว่าง 80-105 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปีหน้า
 

STEC เล็งส่งมอบรัฐสภา - STEC ยันไม่ต้องจ่ายค่าปรับรัฐสภาแห่งใหม่ย้ำทำตามกฎระเบียบ เตรียมส่งมอบโครงการเร็วๆ นี้ ชี้ไม่กระทบต่อผลประกอบการ เผยมีงานในมือสูงกว่า 1 แสนล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่อง ระบุรัฐบาลใหม่เดินหน้าการประมูลโครงการใหม่ได้ และสานต่อโครงการเดิม เป็นโอกาสคว้างานเพิ่ม ขณะที่ลุยประมูลงานภาคเอกชนหลายโครงการ ยอมรับรายได้ปีนี้อาจไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท 

SKY ปิดดีลซื้อ SAMCO รอเข้าตลาดหุ้น – เป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เสร็จเรียบร้อยแล้ว มีแผนเข้าตลาดหุ้น รอดูผลประกอบการก่อน แนวโน้มขยายธุรกิจต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มทุน 25 ล้านบาท จัดสรรให้กรรมการและคนนอกเสร็จภายในเดือน ก.ย. 66 นี้ ขณะที่ผู้บริหารเตรียมเปิดแผนธุรกิจภายในเดือน ต.ค.นี้ 

 

ประเด็นติดตาม: 18-24 ก.ย. BOI โรดโชว์พบนักลงทุนสหรัฐฯ/ 21 ก.ย. – US Existing Home Sales, Initial jobless claims/ 27 ก.ย. ประชุม กนง. ซึ่งธปท.จะมีการปรับลดคาดการณ์ GDP ลง 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)