วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลุ้น Rebound ต่อ
วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีเปิดลงในแดนลบ ราว -17 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน หลังจากนั้นดัชนีทยอยฟื้นตัว กลับมาในแดนบวก มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มค้าปลีก พลังงาน ธนาคาร ส่วนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเผชิญแรงขาย
จากเหตุการณ์ชายวัย 14 ปีก่อเหตุยิงผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บกลางศูนย์การค้าสยามพารากอนเมื่อวานนี้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ความปลอดภัยในการท่องเที่ยวของไทย ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,451.25 จุด +3.95 จุด +0.27% มูลค่าการซื้อขาย 51,227 ลบ. ต่างชาติ +34.15 ลบ. TFEX +12,591 สัญญา ตราสารหนี้ -3,049.42 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 127.17 จุด หรือ +0.39% ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1% หลังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง และยังเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่า FED อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
+ ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 89,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 160,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
+ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 53.6 ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 54.5 ในเดือนส.ค.
+ สหรัฐรายงานผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายปรับตัวลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 50.2 จากระดับ 50.5 ในเดือนส.ค.
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 5.01 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 84.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. 2566 หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้วบ่งชี้ถึงอุปสงค์น้ำมันที่ซบเซา และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ
- ที่ประชุมโอเปคพลัสมีมติคงนโยบายการผลิตตามที่มีการบรรลุข้อตกลงในเดือนมิ.ย. ส่งผลให้โอเปคพลัสปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2567 และมีมติสนับสนุนซาอุดีอาระเบียและรัสเซียขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจนถึงสิ้นปีนี้
- ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลงเกือบ 3% สู่ระดับ 19.20 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED
- บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เทปโก้) ผู้บริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ เปิดเผยว่าจะปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีครั้งใหม่ในวันที่ 5 ต.ค.
- กนอ. กำชับไปยังนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 68 แห่งทั่วประเทศ ติดตามและเฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมส่งผลกระทบไปแล้วหลายจังหวัด
- ธปท. เปิดเผยว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยระยะสั้นไม่มีปัญหา แต่ระยะยาวมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง สภาพเศรษฐกิจอ่อนแอ ตลาดแรงงานชัดเจนว่าจะแก่ก่อนรวย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,440-1,460 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้รับประโยชน์มาตรการลดค่าไฟฟ้าตามมติครม. : HMPRO GLOBAL DOHOME CPALL CPAXT CRC
• หุ้นที่ได้รับประโยชน์นโยบายฟรีวีซ่า : AOT CENTEL ERW SPA RP AU
• นโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท : HMPRO DOHOME GLOBAL ILM COM7 CPALL CRC MAKRO TNP KK
• หุ้นเสียประโยชน์จากลดค่าไฟฟ้า : GPSC BGRIM EA SSP
• กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย : BBL KBANK SCB KTB
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BDMS CPALL TOP
หุ้นรายงานพิเศษ
PIN - ราคาเหมาะสม Consensus ไม่มี
กำไร 1H66 ทำได้เกือบเท่ากำไรทั้งปี 65 แล้ว
•งวด 2Q66 มีรายได้รวม 409 ล้านบาท +572%YoY และมีกำไรสุทธิ 159 ล้านบาท +468%YoY จากการโอนขายที่ดินและรายได้ประจำเพิ่มขึ้น งวด 1H66 รายได้รวม 899 ล้านบาท +105%YoY จากยอดโอนที่ดิน 147 ไร่ จากยอดโอนเพียง 74 ไร่ใน 1H65 กำไรสุทธิ 316 ล้านบาท +233%YoY ซึ่งคิดเป็น 97% ของกำไรปี 65 ที่เท่ากับ 325 ล้านบาท +125%YoY
•แนวโน้มความต้องการซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้ผู้บริหารเพิ่มเป้ายอดขายที่ดินจากเดิม 420 ไร่เป็น 600 ไร่ ปลายงวด 2Q66 มียอดจองแล้วกว่า 450 ไร่ที่คาดว่าจะทยอยโอนได้ทั้งหมดภายในปีนี้หนุนรายได้ขายที่ดินเติบโตสูง ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินพร้อมขาย 900 ไร่และเตรียมซื้อเพิ่มอีก 1,150 ไร่พร้อมขายปลายปี 67 4Q66 ขณะที่รายได้ประจำมีสัญญาณขยายตัวตามกิจกรรมการผลิตที่เพิ่มขึ้นบริษัทเตรียมเปิดโครงการโลจิสติกส์ ปาร์ค เฟส 1 พื้นที่ 50,000 ตรม.คาดปลายปีหนุนให้สัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มเป็น 25% จาก 12.8% ในปัจจุบัน
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของผลประกอบการที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากทำเลนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองที่อยู่ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (EEC) ขานรับการย้ายฐานการผลิตเข้าไทยโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งนี้ยอดขายลูกค้าจีนที่เพิ่มขึ้นและคิดเป็น 89% ของยอดขายที่ดิน ราคาหุ้นแม้เพิ่มขึ้น 20%YTD แต่ยังซื้อขายที่ระดับ P/E เพียง 8.72x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ระดับ 14.40x แนะนำ "ซื้อ"
หุ้นมีข่าว
(0) CENTEL (Bloomberg consensus 52.00 บาท) เผยยังไม่มีการยกเลิกจองห้องพัก หลังเกิดเหตุยิงในพารากอน ชี้ไตรมาส 4/2566 เป็นช่วงไฮซีซัน ยอดเข้าพักสูงกว่า 70% หวังภาครัฐเรียกความเชื่อมั่นได้ คงเป้าตามเดิม ด้านโบรกเห็นพ้องตลาดแพนิคระยะสั้น มองเป็นจังหวะทยอยสะสมทั้งกลุ่ม(ที่มา ทันหุ้น)
(+) BCH (Bloomberg consensus 21.70 บาท) เผยไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ดันยอดรักษาไตรมาส 3/2566 พุ่ง ขณะที่คนไข้ต่างชาติดีกว่าเป้า คาดปีนี้แตะ 1.3 แสนราย ดันพอร์ตทะลุ 2 พันล้านบาท โตมากกว่า 50% มั่นใจรายได้รวม 1.3 หมื่นล้านบาท เล็งเปิดศูนย์มะเร็งปลาย Q1/2567 ฟากโบรกมองเป็นหุ้น Defensive play กำไรครึ่งปีหลังแกร่ง เข้าไฮซีซัน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) EKH (Bloomberg consensus 9.56 บาท) เนื้อหอม เอเจนซีรายใหญ่กวางโจวจีบ จ่อส่งคนไข้ไฮเอนด์เข้ารับบริการในไตรมาส 4/2566 ด้านธุรกิจโรงพยาบาลแนวโน้มการขยายตัวโดดเด่นในไตรมาส 3/2566 ชูอัตราครองเตียงพุ่งแตะ 100% และคาดว่าต่อเนื่องไปไตรมาส 4/2566 แย้มปลายปีมีข่าวดีปิดดีลความร่วมมือพันธมิตรศักยภาพรายใหม่ได้เพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MC (Bloomberg consensus 14.75 บาท) ตั้งเป้าผลการดำเนินงานปีบัญชี 2567 เติบโต 10-17% จากปีก่อนรายได้รวม 3,670 ล้านบาท กางแผนธุรกิจเตรียมขยายสาขา Mc Outlet แตะ 200 สาขา ออกสินค้าคอลเล็กชั่นใหม่ทุกๆ ไตรมาส กระตุ้นยอดขาย เล็งขยายตลาด CLMV และมองหาโอกาสการเข้าซื้อกิจการต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)