วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SVI ประมาณการ 3Q66F: กำไรจะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ
เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ SVI ใน 3Q66F จะอยู่ที่ 305 ล้านบาท (-38% YoY, +17% QoQ) โดยกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้นลดลง จากการลดสต็อก (inventory destocking) และเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ในขณะเดียวกัน กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จะเป็นเพราะ margin ดีขึ้น จากการที่เงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลักในงวด 9M66F อยู่ที่ 764 ล้านบาท (-23% YoY) และคิดเป็น 71% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
ยอดขายลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ
เราคาดว่ายอดขายของ SVI ใน 3Q66F จะอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท (-16% YoY, +3% QoQ) แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายใน 3Q66F จะอยู่ที่ 167 ล้านดอลลาร์ (-14% YoY, +1% QoQ) เพราะได้รับผลกระทบจากการลดสต็อก โดยบริษัทคาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากการลดสต็อกไปจนถึงสิ้นปีนี้ และตั้งเป้ารายได้ปีนี้เอาไว้ที่ประมาณ 740-750 ล้านดอลลาร์ เราคาดว่ายอดขายใน 3Q66F จะทำให้ยอดขายในงวด 9M66F อยู่ที่ 515 ล้านดอลลาร์ (-5% YoY) คิดเป็น 69% ของประมาณการยอดขายเต็มปีของเรา ทั้งนี้ ยอดขาย semiconductors ทั้งโลกเพิ่มขึ้น MoM ติดต่อกันมาหกเดือนแล้ว (ตั้งแต่มีนาคม ถึงสิงหาคม 2566) ในขณะที่อัตราการหดตัว YoY ก็ลดลง
คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้น
อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยใน 3Q66 อยู่ที่ 35.1 บาท/ดอลลาร์ฯ (จาก 36.3 บาท/ดอลลาร์ ใน 3Q65 และ 34.4 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 2Q66) ซึ่งการที่เงินบาทอ่อนค่าลง QoQ จะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของ SVI อยู่ที่ 9.3% ใน 3Q66 (-60bps YoY, +60bps QoQ) ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9M66 อยู่ที่ 8.3% (-20bps YoY) ดีกว่าสมมติฐานเต็มปีของเราที่ 8.1% แต่ยังต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ประมาณ 8.5% - 9%.
ค่าเงินบาทที่อ่อนลงจะช่วยหนุนอัตรากำไรในไตรมาสที่สี่
จากสัญญาณการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม เราจึงคาดว่ายอดขายน่าจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสที่สี่ นอกจากนี้เงินบาทที่อ่อนค่าลงยังเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนอัตรากำไรของบริษัทอีกด้วย ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรของ SVI จะเร่งตัวขึ้น QoQ ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” SVI โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 8.00 บาท อิงจาก PER ที่ 15.0x (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีตของ Hana Microelectronics (HANA.BK/HANA TB)* -0.25 S.D.)
Risks
ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2566-67 ที่ 33.80 บาท/ดอลลาร์ฯ) และความล่าช้าในกระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์