วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก GFC ซื้อเมื่ออ่อนตัว

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก GFC ซื้อเมื่ออ่อนตัว

คาดกำไร 4Q66 เติบโตต่อเนื่อง YoY และทรงตัว QoQ แม้ฐานสูง

ประเด็นสำคัญในการลงทุน

 

•    งวด 3Q66 มีกำไร 21.4 ลบ. +1.2%YoY +32.4%QoQ โตดีกว่าที่คาดว่าจะหดตัวทั้ง YoY และ QoQ: โดยมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัย 3 ประการคือ 1) รายได้จากการบริการอยู่ที่ 87.5 ลบ. +12.7%YoY +8.2%QoQ โตดีกว่าที่เราคาด 10% จากผู้มีบุตรยากเข้ามารับบริการมากขึ้น (เฉลี่ย 75-80 cycle/เดือน จากปีก่อน 65-70 cycle/เดือน) ควบคู่กับการทำตลาดและส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง 2) ค่าใช้จ่ายในการนำหุ้นเข้าตลาดราว 15 ลบ. ถูกหักจากส่วนเกินมูลค่าหุ้นแทนค่าใช้จ่ายในการบริหาร และ 3) ค่าใช้จ่ายดังกล่าวยังสามารถนำไปหักภาษีได้ ทำให้ภาษีงวด 3Q66 ปรับลดลงสู่ 1 ลบ. จากเดิมราว 4 ลบ. ทั้งนี้ กำไร 9M66 ที่ 54.9 ลบ. +13.3%YoY สูงกว่าประมาณการกำไรทั้งปี 66 เดิมที่ 49.4 ลบ. -25%YoY

 

•    ปรับประมาณการกำไรปี 66 เพิ่มขึ้น 54% สู่ 76 ลบ. +15%YoY: เราคาดกำไร 4Q66 ราว 20.3 ลบ +18%YoY และทรงตัว QoQ แม้ฐานสูง โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจากแนวโน้มจำนวนเคสที่เร่งขึ้นต่อเนื่อง และโตแข็งแกร่งสอดคล้องกับเป้ารายได้ของบริษัทที่ปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นมา 3 ครั้ง เป็นผลจากกลยุทธ์ทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีคู่รักดาราหลายรายประสบความสำเร็จในการรักษา ประกอบกับดีมานด์ของการมีลูกให้ทันในช่วงปีมังกรทอง (ปี 67) ซึ่งจะต้องตั้งครรภ์ช้าสุดในช่วง 4Q66-1Q67 นอกจากนี้ การเลื่อนเปิดสาขาพระรามเก้าทำให้ไม่มีการรับรู้ค่าเสื่อม ประกอบกับรายได้ที่มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดเดิมทำให้เกิด Economies of Scale เราจึงปรับสมมติฐาน %GPM ทั้งปี 66 เพิ่มขึ้นจาก 43.8% สู่ 48.4% โดยสรุปเราปรับประมาณการรายได้ปี 66 เพิ่มขึ้น 11% สู่ 346 ลบ. +25%YoY และปรับกำไรเพิ่มขึ้น 54% สู่ 76 ลบ. +15%YoY ตามลำดับ
 

•    ปรับประมาณการกำไรปี 67 เพิ่มขึ้น 16% สู่ 96 ลบ. +26%YoY: แม้สาขาใหม่พระรามเก้าและอุบลราชธานีเสร็จช้ากว่าแผนเดิมที่จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการช่วงปลาย 4Q66 และ 1Q67 ตามลำดับ เป็นช่วงต้น 2Q67 ทั้ง 2 แห่ง โดยเรายังคงประมาณการรายได้ปี 67 ที่ราว 480 ลบ. +39%YoY จากดีมานด์ที่ยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเจรจากับ Agency เพื่อส่งคนไข้ชาวจีนมารับบริการในช่วง 1Q67 ซึ่งบริษัทจะปรับพื้นที่ชั่วคราวของสาขาพระรามสามในการรองรับกลุ่มลูกค้าดังกล่าว นอกจากนี้ ปรับเพิ่มสมมติฐาน %GPM สู่ 49.5% จากเดิมคาด 45.6% จากสาขาใหม่ที่เลื่อนเปิดทำให้รับรู้ค่าเสื่อมราคาและค่าสาธารณูปโภคลดลง รวมถึงการรับลูกค้าชาวต่างชาติผ่าน Agency ซึ่งจะคิดค่าบริการเพิ่มขึ้นราว 20-30% ส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรปี 67 เพิ่มขึ้น 16% สู่ 96 ลบ. +26%YoY

•    แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” และปรับราคาเหมาะสมในปี 2567 เพิ่มขึ้น 16% สู่ 11.7 บาทต่อหุ้น: เราประเมินราคาเหมาะสม GFC ด้วยวิธี Prospective PE Ratio เทียบกับบริษัทที่อยู่ในหมวดของธุรกิจทางการแพทย์ทั้งกลุ่มโรงพยาบาลขนาดเล็กและคลินิกเฉพาะทาง เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงและลักษณะของการประกอบธุรกิจในการให้บริการทางการแพทย์ โดยใช้ Prospective PER ที่ระดับเดิม 27x ประกอบกับคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 67 ราว 0.43 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมใหม่ปี 67 ราว 11.70 บาทต่อหุ้น จากเดิม 10.10 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาเหมาะสมมีอัพไซต์เพียง 7% เราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
 

ปัจจัยเสี่ยง

(i) การขาดแคลนบุคลากรที่ชำนาญเฉพาะทาง   
(ii) สาขาใหม่ 2แห่ง เสร็จล่าช้ากว่าแผนเดิมที่วางไว้
(iii) คู่แข่งรายใหม่เข้าสู่ตลาด


 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก GFC ซื้อเมื่ออ่อนตัว

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก GFC ซื้อเมื่ออ่อนตัว