วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ หุ้นท่องเที่ยวมีโอกาสโดดเด่นจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ หุ้นท่องเที่ยวมีโอกาสโดดเด่นจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีน

ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนม.ค.เริ่มทำจุดสูงสุดใหม่หลังเปิดเมือง กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยว 1-28 ม.ค.67 ที่ 2,743,147 คน +40% YoY โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวระยะใกล้ เช่น จีน 444,702 คน และมาเลเซีย 300,576 คน

ทั้งนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเที่ยบกับค่าเฉลี่ย 9 เดือนสุดท้ายปี 2566 ที่ประมาณ 3 แสนราย/เดือน และสูงกว่าระดับสูงสุดหลังเปิดเมือง ที่ ก.ค.66 ที่ 410,311 คน ไปแล้ว ดังนั้นเรามองการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติรอบนี้ จะค่อนข้างเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม สายการบิน สนามบิน และบริการสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งบวกต่อ ERW, MINT, CENTEL, AAV, AOT, SPA 

BTS สภาพคล่องแข็งแกร่ง แต่ราคาปรับลดลงเพราะความกังวลโดยเฉพาะการตั้งสำรองที่อาจกระทบการจ่ายปันผลระยะสั้น ราคาหุ้น BTS ปรับตัวลดลงแรงโดยไม่ได้มีประเด็นข่าวที่ชัดเจน โดยมีสื่อรายงานถึงประเด็นความกังวล ทั้งเรื่องการต่อสัมปทาน, สภาพคล่องและการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ รวมไปถึงผลประกอบการไตรมาส 3/67 (ต.ค.-ธ.ค.66) ซึ่งเรามีมุมมองดังนี้ 1) การต่อสัมปทาน หากไม่มีการแก้ไข หลังปี 2572 จะเป็นในรูปแบบของการรับจ้างเดินรถ ซึ่งกำไรจากการดำเนินงานคงปรับลง แต่ไม่ใช่การหมดรายได้ไปเลย 2) แม้มีภาระในการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ 12,680 ล้านบาท BTS มีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น 11,665 ล้านบาท รองรับความเสี่ยงจากการที่อาจรีไฟแนนซ์ได้ต่ำเป้าจากความกังวลที่เกิดขึ้นกับความเชื่อมั่นของการลงทุนในหุ้นกู้ 3) เราประเมินการตั้งสำรองด้อยค่าเงินลงทุน (Impairment) เป็นความเสี่ยงหลักที่จะกระทบต่อผลประกอบการ และอาจมากทำให้กำไรสะสมติดลบกระทบต่อการจ่ายปันผลในงวดนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสมได้ และจากการที่กระแสเงินสดในการดำเนินงานไม่ได้รับผลกระทบจากรายการทางบัญชี ทำให้ผู้ลงทุนจะยังได้รับปันผล แม้อาจจะล่าช้าจากงวดปกติ
 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม 1) การพิจารณาคดีของพรรคก้าวไกล หากไม่มีโทษร้ายแรงที่นำไปสู่การยุบพรรค จะลดความเสี่ยงปัจจัยการเมือง และทำให้การแข่งขันกลับมาอยู่ในระบบรัฐสภา 2) การประชุมเฟด คาดความเห็นประธานเฟด อาจทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้น กระทบต่อบรรยากาศลงทุนระยะสั้นบ้าง

ภาพรวมกลยุทธ์ แกว่งตัว 1,366-1,400 จุด การเก็งกำไรยังเน้นเป็นเพียงการซื้อโดยกำหนดจุดตัดขาดทุน เน้นกลุ่มที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีหรือฟื้นตัวชัดเจน อาทิ ท่องเที่ยว ขณะที่อาจเลือกกลุ่มที่ปรับลดลงมาเยอะนับจากต้นปี (อาทิ EA, COM7, IVL, SCGP, KCE, CRC, CBG, TLI, HMPRO, PTTGC)

หุ้นแนะนำ: AAV*, EA*, SAMART*, SPA*

แนวรับ: 1,354-1,366 / แนวต้าน : 1,380-1,389 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

จำนวนผู้สมัครงานสหรัฐฯ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด JOLTS เผยว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 101,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 9.026 ล้านตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.750 ล้านตำแหน่ง (อินโฟเควสท์)

IMF ชี้เงินเฟ้อชะลอตัว ปูธนาคารกลางลดดอกเบี้ย H2/67ปรับเพิ่มคาดเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.1% ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค.ที่ระดับ 2.9% โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐและมาตรการกระตุ้นด้านการคลังของจีน(อินโฟเควสท์)

ซาอุดิ อารามโค ระงับแผนเพิ่มขีดความสามารถการผลิตน้ำมัน ซาอุดี อารามโคได้ระงับแผนเพิ่มขีดความสามารถการผลิตน้ำมันดิบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความไม่แน่ใจเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันในอนาคต (อินโฟเควสท์)

ชี้ชะตา "พิธา-ก้าวไกล" คดีล้มล้างการปกครอง 31 ม.ค.นี้

PTTEP บุ๊กพิเศษขาย “โครงการเอซี/อาร์แอล 7 หนุนกำไรปี 66 แตะ 7.7 หมื่นล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าคาด หลังรับรู้รายได้จากการขายสัดส่วนการลงทุนในโครงการเอซี/อาร์แอล 7 (ข่าวหุ้น)  

EA จ่อฮุบเมล์อีวี2พันคัน งบปี67จ่อกำไรหมื่นล้าน เตรียมเซ็น 3 ค่ายใหญ่ NEXมั่นใจออเดอร์ปีนี้ล้น5พันคัน (ข่าวหุ้น)  

ITD ผู้ถือหุ้นกู้ไฟเขียว ขยายเวลาไถ่ถอนหุ้นกู้ITD254A ออกไป 2ปี เพิ่มดอกเบี้ย 0.25-0.50%(การเงินธนาคาร)

ADVICE ซื้อขายในตลาดวันนี้เป็นวันแรก (31ม.ค.) ราคา IPO 3.24 บาท P/E 7.26 เท่า

 

ประเด็นติดตาม: 31 ม.ค. - TH Industrail Production(Dec) / Retai lSales(Nov) / 1 ก.พ. - FED Interest Rate Decision/ ISM Manufacturing PMI (Jan) / TH Manufacturing PMI(Jan)/ EU CPI (Jan) /   EU Unemployment Rate (Dec)/ 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)