วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SPALI ประมาณการณ์ 1Q67F : คาดเป็นไตรมาสต่ำที่สุดในปี 2567
SPALI รายงานพรีเซล 1Q67 ที่ 6.9 พันลบ. (-23% YoY แต่ +29% QoQ) เราตั้งข้อสังเกตว่าพรีเซลทุกประเภทและทุกทำเลลดลง YoY พอสมควร แม้ว่ามีการเปิดโครงการใหม่ ๆ จำนวนมากมูลค่ารวมราว 1.66 หมื่นลบ.
ขณะที่ คาดรายได้รวมอยู่เกือบ 5 พันลบ. (-13% YoY และ -51% QoQ) ท่ามกลาง margin อ่อนตัว จากรายได้ที่ชะลอตัว สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายน่าจะพุ่งขึ้นและต้นทุนการเงินอาจเร่งตัวขึ้นต่อตามอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยสูงขึ้น ในด้านส่วนแบ่งกำไรจากโครงการบริษัทร่วมค้า (JV) ต่าง ๆ ในประเทศออสเตรเลียน่าจะย่ำแย่ด้วย หากกำไรสุทธิใน 1Q67F เป็นไปตามที่เราคาดที่ 735 ลบ. (-32% YoY และ -64% QoQ) คิดเป็น 11% ของประมาณการกำไรเต็มปีนี้ของเรา (Figure 1)
คาดกำไรฟื้นตัวใน 2Q-3Q67 จากโครงการคอนโด ฯ ใหม่ 5 แห่งถึงกำหนดที่จะโอน
ไตรมาสที่หนึ่งน่าจะเป็นไตรมาสต่ำที่สุดของปีนี้ทั้งด้านกำไรและพรีเซล เมื่อเข้าสู่ 2Q67 มี 4 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 1.5 หมื่นลบ. (ขายได้แล้ว 27%) ถึงกำหนดในการโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้เป็นรายได้ส่วนอีกหนึ่งโครงการมูลค่า 1.1 พันลบ. (ขายได้แล้ว 88%) จะพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ใน 3Q67 (Figure 6) เป็นนัยว่าผลการดำเนินงานน่าจะฟื้นตัวแข็งแกร่งใน 2Q67 ในช่วง 2H67 SPALI ตั้งความคาดหวังไว้สูงจากผลบวกของมาตรการกระตุ้นอสังหา ฯ จากภาครัฐ โดย 60-70% ของที่อยู่อาศัยเพื่อขายมีราคาอยู่ในช่วง 3-7 ลบ./ยูนิต ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์เต็มที่จากการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์บ้านจากเดิม 2% เหลือ
0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหา ฯ ลงจาก 1% เหลือเพียง 0.01% (Figure 5)
ยังมีประเด็นอื่น ๆ อีกที่น่ากังวล...
ยอดขายรอโอน (backlog) รวมทยอยลดลงอยู่ที่ 1.76 หมื่นลบ. (จาก 3.87 หมื่นลบ. ก่อนช่วง COVID) ที่ซึ่ง 1.47 หมื่นลบ.จะถูกบันทึกเป็นรายได้ในปีนี้ส่วนอีก 3 พันลบ.จะบันทึกในปี 2568-69F ทางด้านสต็อกบ้านเหลือยังเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอด้วย 5 ปี CAGR (2562-2566) อยู่ที่ 15% อีกทั้งแผนในการซื้อโครงการใหม่ร่วมค้า 12 แห่งในประเทศออสเตรเลียที่ได้ประกาศเมื่อต้นปี 2567 ยังไม่มีข้อสรุปสุดท้าย ดังนั้นรายได้ส่วนเพิ่มน่าจะเริ่มเข้ามาจากกลางปี 2567F เป็นต้นไป แม้ว่า ประมาณการกำไรเต็มปีนี้ของเราจะต่ำกว่า guidance ของ SPALI อยู่พอสมควร (Figure 2) เรามองว่าอาจยังมี downside อยู่บ้างจากผลการดำเนินงานชะลอตัวมากใน 1Q67 ส่วนในปี 2568F การเติบโตกำไรน่าท้าทายเพราะว่า backlog จะแย่ลง
เหลือเพียง 1.5 พันลบ. มิฉะนั้น SPALI ต้องพยายามอีกมากเพื่อดันยอดขายในอนาคตขึ้นอีก
Valuation & Action
เราคงคำแนะนำถือ เพราะมีอัพไซด์จำกัดจากราคาเป้าหมายปี 2567 ของเราที่ 21.70 บาด (คิดเป็นส่วนลดจาก PE ที่ 6.5x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว -0.5 S.D.) ขณะที่ SPALI ประกาศจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) งวด 2H66 ที่ 0.75 บาท (ขึ้น XD วันที่ 7 พ.ค. 67) คิดเป็น DPS รวมเต็มปี ที่ 1.45 บาท (อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงราว 7%) โดยที่อัตราการจ่ายเงินปันผล (payout ratio) ปี 2566 สูงขึ้นอยู่ที่ 47% เทียบกับ 35%ในปี 2564 และ 38% ในปี 2565
Risks
ภาวะเศรษฐกิจ ความหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล มาตรการปล่อยสินเชื่อเข้มงวดขึ้นท่ามกลางการยืดหนี้สินในระดับสูงของภาคครัวเรือนรวมทั้งการขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำ