วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ Hotel Sector ค่าห้องเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตใน 1Q67F
เราคาดว่าผู้ดำเนินงานธุรกิจโรงแรม 4 รายในกลุ่มโรงแรมภายใต้ coverage ของเราจะมีแนวโน้มกำไรใน 1Q67F ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก
ขณะที่ เราคาดกำไรสุทธิรวมใน 1Q67F อยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท โดยเติบโตก้าวกระโดดจากเพียง (17 ล้านบาทใน 1Q66) แต่ลดลง 40% QoQ เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของโรงแรมในยุโรปที่ส่งผลกระทบมากต่อกำไรของ Minor
International (MINT.BK/MINT TB)* ส่วนในกลุ่มโรงแรมอื่น ๆ ได้แก่ Central Plaza Hotel (CENTEL.BK/CENTEL TB)*, The Erawan Group (ERW.BK/ERW TB)* และ S Hotels and Resorts (SHR.BK/SHR TB) คาดมีการเติบโตกำไรทั้ง YoY และ QoQ ในแง่ดีอีกด้าน เราคาดว่าโรงแรมในกลุ่มของทั้ง 4 บริษัทข้างต้นจะมีผลการดำเนินงานดีขึ้น YoY โดย CENTEL, ERW และ SHR จะมีการเติบโตกำไรใกล้เคียงกันอยู่ระหว่าง 12%-14% ส่วนผลขาดทุนสุทธิของ MINT คาดลดลงเหลืออยู่ที่ 119 ล้านบาทจากขาดทุนสูงถึง 976 ล้านบาทใน 1Q66
เราคาดรายได้ต่อห้องต่อคืน (RevPar) ของกลุ่มโรงแรมเฉลี่ยน่าจะเพิ่มขึ้น 15% YoY และ 10% QoQ อยู่ที่ 3,515 บาท มีปัจจัยหนุนหลักจากการเพิ่มขึ้นของ ADR อยู่ที่ 5,076 บาท (+16% YoY และ +6% QoQ) แต่อย่างไรก็ตาม คาดอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงทั้ง YoY และ QoQ อยู่ที่ 71% เพราะโรงแรมต่าง ๆ ภายใต้การบริหารงานของบริษัทเน้นที่การเพิ่มราคาค่าห้องพักเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
ปรับเพิ่มสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2567F ขึ้นเป็น 35 ล้านคน
นักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้าเพิ่มขึ้น 44% YoY อยู่ที่ 9.37 ล้านคนใน 1Q67 หรือคิดเป็น 87% ของระดับช่วงก่อนCOVID 19 โดยที่โมเมนตัมดีเลิศใน 1Q67 สูงกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้าเนื่องจากการฟื้นตัวแข็งแกร่งของนักเที่ยวชาวจีนและยุโรป (รวมทั้งชาวรัสเซีย) นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทและผลบวกจากนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐในการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวน่าจะช่วยสนับสนุนการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2567F ขึ้นอยู่ที่ 35 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเป็น 38 ล้านคนในปี 2568F จากเดิม 32 ล้านคนและ 35 ล้านคนตามลำดับ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติใน 1Q67 คิดเป็น 27% ของสมมติฐานเต็มปีนี้ของเรา ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกัน
กับปี 2562
ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นเป็น Overweight โดยเลือก ERW และ MINT เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่ม
ด้วยเหตุที่เราคาดว่าผลการดำเนินงานแข็งแกร่งในไตรมาสถัดไป เราจึงได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มโรงแรมขึ้นเป็น Overweight จากเดิม Neutral โดยที่ก่อนหน้านี้ เราได้ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนหุ้น ERW และ SHR ขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิมถือ ขณะที่ เราเลือกทั้ง ERW และ MINT เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่มเพราะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (high season) ของโรงแรมในยุโรปและญี่ปุ่นจะเป็นปัจจัยหนุนหลักใน 2Q67F ขณะที่ โรงแรมในไทยเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (low season)
Risk
สภาวะการแพร่กระจายโรคระบาดยืดเยื้อ ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยและเกิดความวุ่นวายทางการเมือง