วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก FTSE Rebalance

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก FTSE Rebalance

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ จากปัจจัยทางการเมืองยังคงกดดันดัชนี บวกกับตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่เพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนรอติดตามผลการอภิปราย พ.ร.บ. งบประมาณปี 2568 ซึ่งจะมี การลงมติ ในการประชุมวันนี้

มีแรงขายในหุ้นกลุ่มพาณิชย์ พลังงาน และขนส่ง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,298.29 จุด -5.53 จุด -0.42% มูลค่าการซื้อขาย 37,897 ลบ. Program Trading -596 ลบ. ต่างชาติ -1,960 ลบ. TFEX -18,721 สัญญา ตราสารหนี้ +1,787 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 299.90 จุด หรือ +0.77% แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้น Nvidia ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจและ การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ FED เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ช่วงเวลาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ +0.74% ปิด ที่ 82.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า FED อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้
+/- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติ 7-2 ในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี สอดคล้องกับ การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ปัจจัยลบ 

- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุน ให้น้ำหนักเพียง 57.9% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งลดลงจากระดับ 61.1% ในสัปดาห์ ที่แล้ว
- นายฮัสซัน นาสราลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กล่าวเตือนไซปรัสว่า ความร่วมมือระหว่างไซปรัสและอิสราเอลจะทำให้ไซปรัสกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับฮิซบอลเลาะห์ และจะทำให้ไซปรัสถูกตอบโต้
 

- ผลสำรวจความเชื่อมั่นของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) พบว่า นักลงทุนลดน้ำหนักความเชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้าสู่ระดับ 44.4% จากระดับ 44.6% ในสัปดาห์ที่แล้ว
- กระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 67 (ต.ค.66-พ.ค.67) ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 1.67 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 26,238 ล้านบาท หรือ 1.5%

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้ Rebound ระยะสั้น เนื่องจากมีมาตรการ คุม ShortSell หุ้น กลุ่ม Non-SET 100 ที่ต้องมีมาร์เก็ตแคป 5- 7 พันล้าน และ Turnover เกิน 2% ที่จะเริ่มใช้วันนี้ ประกอบกับ FTSE Rebalancing คาดดัชนีในวันนี้ที่ 1,290 -1,305 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• สินค้าส่งออกเดือน เม.ย. เติบโตดี : AAI ITC STA NER TRUBB XO TFG BTG
• มาตรการลดภาษีเที่ยวเมืองรอง : ERW CENTEL BA AAV TNP CPALL
• FTSE Rebalancing มีผลปิดตลาด 21 มิ.ย. : FTSE SET Large Cap หุ้นเข้า : BH หุ้นออก : BJC Mid Cap หุ้นเข้า : BJC, BTSGIF, ICHI หุ้นออก : BEC, BH, NEX, SABUY, SCAP,SUPER, TPIPL
• หุ้นที่เข้าคำนวณ SET50 เข้า มีผล 1 ก.ค. : BCP BJC ITC TIDLOR ออก : BANPU COM7 KCE SAWAD SET100 เข้า : BA BJC CKP JAS MBK PRM QH SKY TIPH ออก : AURA BYD FORTH MOSHI NEX ORI SNNP THG TKN

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

COCOCO "ซื้อ" ราคาเหมาะสม Bloomberg concensus 15.30 บาท upside 22%
"คาดรายได้เติบโต QoQ และ YoY จากดีมานด์ต่างประเทศ และพ้นช่วง Low season"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก FTSE Rebalance

•งวด 1Q24 รายได้รวม 1,398 ลบ. -3%QoQ +62%YoY จากการเติบโตของรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศ (สัดส่วนรายได้ 14% และ 86% ตามลำดับ) รายได้ลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low season ของการขายน้ำมะพร้าว โดยบริษัทมีการบริหารจัดการด้านราคาและปริมาณวัตถุดิบ รวมถึงการปรับเทคโนโลยี การผลิต ช่วยให้เกิด Economies of scale ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 26.7% เพิ่มขึ้น จากระดับ 25.2% ใน 1Q23 ทั้งนี้บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ได้สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 204 ลบ. +8%QoQ +204%YoY

•ปี 2024 บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 6,600 ลบ. +42%YoY ปัจจุบันบริษัทสามารถส่งออก ได้มากกว่า 100 ประเทศ โดย 2Q67 บริษัทมีแผนพัฒนาสินค้าและบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และวางแผนขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วยการออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ วางเป้าเพิ่มกำลังการผลิตรวมทุกผลิตภัณฑ์ที่ประมาณ 4.4 แสนตันในปี 2024 (เพิ่มขึ้น 75% จากปี 2023) เพื่อรองรับปริมาณคำสั่งซื้อที่มากขึ้น

ความเห็น มีมุมมองบวก จากธุรกิจผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยไตรมาส 1 เป็นช่วง Low season ของธุรกิจ คาดช่วงที่เหลือของปี รายได้เติบโตดีจากแรงหนุนดีมานด์ต่างประเทศและการเพิ่มช่องทางการขายตลาดออนไลน์ที่มากขึ้น และ ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า โดย Bloomberg Concensus คาดกำไรปี 2024 ราว 937 ลบ. +73%YoY ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น +58%YTD มี P/E 27.2X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 71.1X ราคาเหมาะสม Concensus 15.30 บาท มี upside 22% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) CHG (Bloomberg consensus 3.40 บาท) กางแผนครึ่งปีหลัง 2567 ลุยขยายเตียงผู้ป่วยเพิ่ม 70 เตียง ตั้งเป้าภายใน 5 ปี ขยาย 800 เตียง ครอบคลุมทุกการให้บริการ มองแนวโน้มคนไข้ทยอยเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบเงินสด ประกันสังคมและคนไข้ต่างชาติ มั่นใจรายได้ปีนี้โต 15% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) DMT (Bloomberg consensus 14.30 บาท) ปรับค่าผ่านทาง 5-10 บาท ตามสัญญาสัมปทาน เริ่ม 22 ธันวาคม 2567 คิดค่าเฉลี่ยตลอดสายทุก 5 ปี เฉลี่ยปีละ 1-2 บาท มั่นใจเป้าปริมาณจราจรโต 10% แตะ 1.16 แสนคันต่อวัน พร้อมเดินหน้าลดต้นทุนพลังงานและ M-FLOW คาดศึกษาเสร็จในไตรมาส 2 ปีนี้ ด้าน "เอสยามอินฟรา" ลุยงานต่างประเทศ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CIVIL (Bloomberg consensus - บาท) เล็งผลงานครึ่งหลังปี 2567 กระหึ่ม งานรอบุ๊กอื้อของใหม่หนุน แถมลุ้นเซ็นโครงการใหม่กว่า 1 หมื่นล้านบาท หลังชนะการประกวดราคาหลายโครงการ หวังเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ บอสใหญ่ "ปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข" ลุยขยายฐานธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับก่อสร้างเต็มพิกัด วางหมากอัพพอร์ต Non-Construction แตะ 20% ในปี 2573 หนุนการเติบโตยั่งยืน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) FPI (Bloomberg Consensus - บาท) บอสใหญ่ FPI ส่องทิศทางครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก ออเดอร์อินเดียทะลัก วอลุ่มโต 2 เท่า โชว์แบ็กล็อกแน่น 800 ล้านบาท ล่าสุดตั้งบริษัทย่อย "บริษัท อาร์ บี เอส พลาสติก อินโนเวชั่น จำกัด" เจาะตลาด B2C เตรียมเปิดตัว 1 กรกฎาคมนี้ ตั้งเป้ากวาดยอดขายปีละ 200 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)