วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ โอกาสลดดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่ให้ติดตามปฏิกิริยาของตลาด

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ โอกาสลดดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่ให้ติดตามปฏิกิริยาของตลาด

ติดตามการปรับพอร์ตของนักลงทุนที่อาจกระทบกับหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง ค่าเงินสหรัฐฯ (Dollar Index) อ่อนค่าลงหลังเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซา (ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, ยอดสั่งซื้อสินค้าทุน และยอดบ้านรอการขาย)

ทั้งนี้การชะลอตัวของตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว ช่วยทำให้นักลงทุนเพิ่มความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และทำให้ค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลงระยะสั้น อย่างไรก็ตามเราแนะนำนักลงทุนติดตามปฏิกิริยาของตลาด เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจและโอกาสปรับลดดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมีโอกาสดึงดูดให้เกิดการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และการเกิด re-allocation ดังกล่าวอาจทำให้ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนในระยะสั้น // ทั้งนี้เรายังคงมุมมองบวกต่อหุ้นขนาดกลางที่ไม่กระทบจากแรงขายของต่างชาติ และกลุ่มได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าโดยเฉพาะอาหารคาดจะเห็นการฟื้นตัว (Turnaround) ของผลประกอบการปีนี้ โดยชอบ BTG, CPF, TFG ขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แม้เรามองผลประกอบการฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นระยะสั้นอาจเป็นลบ หลัง Micron Technology (MU) ที่เป็นผู้ผลิตชิปหน่วยความจำ ให้มุมมองธุรกิจฟื้นตัวที่ไม่รวดเร็ว และทิศทางเงินทุนระยะสั้นที่ไหลออกจากลุ่มเทคโนโลยี

สัปดาห์สุดท้ายไตรมาส 2 มีโอกาสฟื้นตัวทั้งจากWindows dressing และการซื้อคืน (Short recovering) หลังจำนวนหุ้นที่ขายชอร์ตได้ และเกณฑ์การขายชอร์ตที่จะเข้มข้นขึ้น สัปดาห์นี้เรามองมีโอกาสที่หุ้นไทยจะฟื้นตัวจากการ Window dressing ในหุ้นที่ปรับลดลงมาก ขณะเดียวกันการเปิดเผยรายชื่อหุ้นที่สามารถขายชอร์ตได้ ที่จะมีจำนวนลดลง (เนื่องจากเกณฑ์ใหม่ market cap ของหุ้นต้องใหญ่ขึ้น เป็น 7,500 ล้านบาท จากเดิม 5,000 ล้านบาท) อีกทั้งการขายชอร์ตจะทำได้ยากขึ้นจากการเริ่มใช้ราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายสุดท้าย (uptick rule) คาดจะทำให้มีแรงซื้อคืนในหุ้นที่ยังมีสถานะชอร์ตที่ยังไม่ซื้อคืนสูง อาทิ EA, TOP, BEM, IVL, KTC, SPRC, COM7, TIDLOR, IRPC, MINT, CBG, OSP  


 

ภาพรวมกลยุทธ์ เก็งกำไรรายตัวเน้นกลุ่มที่ผลประกอบการไตรมาส 2/67 แข็งแกร่ง โดย SET มีกรอบเคลื่อนไหวระยะสั้น 1,302-1,325 จุด // หุ้นเด่น (Top picks) สำหรับครึ่งปีหลัง 2567 ที่เราแนะนำคือ ADVANC, BSRC, BTG, CK, CPALL, CPF, KBANK, MTC, OSP, SCGP, TIDLOR และ TU

หุ้นแนะนำ: SORKON*, SAMART*, ADVANC*, BBGI*

แนวรับ: 1,302 / แนวต้าน : 1,325 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่สนใจ    

พิชัยเร่งปั่นวายุภักษ์ 3 ลุ้นหุ้นใหญ่เป้ากองทุน พิชัย รองนายกฯ และ รมว. คลัง เดินหน้าเต็มที่จัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 3 ย้ำจะเร่งสรุปรายละเอียดทั้งหน่วยลงทุนสำหรับประชาชน และของคลังรวมถึงหน่วยงานอื่นๆเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุน ลุ้นหุ้นใหญ่ได้เข้าพอร์ต (ข่าวหุ้น)

UN เผย ธนาคารไทย แทนที่สิงคโปร์ ให้บริการเงินหลักรัฐบาลทหารเมียนมา ทางธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่าไม่พบความผิดปกติในการทำธุรกรรมกับเมียนมาร์ และโต้แย้งคำแถลงบางฉบับในรายงานของสหประชาชาติเกี่ยวกับบทบาทของธนาคารในการจัดหาเงินทุนเพื่อการจัดซื้อจัดจ้างทางทหาร (กรุงเทพธุรกิจ)

ตลท.ประกาศรายชื่อหุ้นสำหรับคำนวณดัชนี SET50/100 ใน ครึ่งปีหลัง มีผล จันทร์หน้า 1 ก.ค.67 - 31 ธ.ค. 67 มีรายชื่อดังนี้ SET50 💚หุ้นเข้า : BCP, BJC, ITC, TIDLOR⛔️หุ้นออก : BANPU, COM7, KCE, SAWAD SET100💚หุ้นเข้า : BA, BJC, CKP, JAS, MBK, PRM, QH, SKY, TIPH⛔️หุ้นออก : AURA, BYD, FORTH, MOSHI, NEX, ORI, SNNP, THG, TKN 

BCPG ปิดดีลจำหน่ายโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นทั้งหมดให้บริษัทพลังงานเดนมาร์ก มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท พร้อมบันทึกกำไร 2,300 ล้านบาทในไตรมาส 2/67 ทันที (อินโฟเควสท์)

HMPRO โค้งสอง High-Season ท่องเที่ยว ฐานลูกค้าดัน ด้านราคา ปัจจุบันเทรดที่ P/E ต่ำสุดในรอบ 14ปี (อินโฟเควสท์)

GULF รุกกลุ่มความมั่นคงสยายปีก Data Center ผนึก Google เสริมทัพ (ข่าวหุ้น)

 

 

 

COM7 ประกาศซื้อหุ้นคืน จำนวนไม่เกิน 45 ล้านหุ้น หรือมูลค่าไม่เกิน 800 ล้านบาท 

BCH-BDMS-PHG ส้มหล่น รพ.มงกุฏวัฒนะออก สปส. มีโอกาสรับผู้ป่วยประกันสังคมเพิ่มหลังมีโรงพยาบาลถอดออกจาก สปส. เหตุมีเครือข่าย รพ. อยู่ใกล้โซนแจ้งวัฒนะ (ข่าวหุ้น)

SOLAR ได้รับหนังสือ LOI โครงการก่อสร้าง Solar Farm แม่เมาะ ระยะที่ 1 จังหวัดลำปาง มูลค่า 937 ล้านบาท มั่นใจผลการดำเนินงานปีนี้โตตามเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 20-25% (ผู้จัดการ)


ประเด็นติดตาม  28 มิ.ย. – US PCE / TH Industrial Production/ US Election First Debate

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)