วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SISB ประมาณการ 2Q67F: คาดกำไรจะเติบโตแข็งแกร่ง YoY
เราคาดว่าผลประกอบการของ SISB ใน 2Q67F จะแข็งแกร่ง โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 205 ล้านบาท หลังจากที่ทำสถิติสูงสุดใน 1Q67 ที่ 212 ล้านบาท ซึ่งตามปกติแล้ว ผลการดำเนินงานของ SISB ใน 2Q จะต่ำที่สุดในรอบปี
เนื่องจาก i) เป็นช่วงปิดเทอมก่อนเปิดเทอม 3 ในเดือนเมษายน และ ii) ในช่วงนี้มีกิจกรรมหลังเลิกเรียนน้อยลง เราคาดว่าจำนวนนักเรียนใน 2Q67F จะเพิ่มขึ้น 62 คน จาก 1Q67 เป็น 4,340 คน (+27.9% YoY, +1.4%QoQ) ในขณะที่คาดว่าค่าธรรมเนียมเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.28 แสนบาท/ไตรมาส/คน (+2.6% YoY, -2.4% QoQ) เราคาดว่ารายได้ของ SISB จะอยู่ที่ 556 ล้านบาท (+31.3% YoY, -1.0% QoQ) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 54.8% จาก 57.0% ใน 2Q66 และ 55.1% ใน 1Q67 เราคาดว่าสัดส่วน SG&A/ยอดขายใน 2Q67F จะอยู่ที่ 19.9% จาก 21.8% ใน 2Q66 และ 19.8% ใน 1Q67 เราคาดว่าผลการดำเนินงานรายไตรมาสของ SISB ใน 2Q67 จะต่ำสุดในรอบปีนี้ โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q67F และ 1H67F จะคิดเป็น 22.2% และ 45.1% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 926 ล้านบาท
แนวโน้มธุรกิจดูสดใส
เราไม่เป็นห่วงแนวโน้มการเติบโตของบริษัท เพราะผลประกอบการของ SISB จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอีกสองสามปีข้างหน้า เมื่อพิจารณาจากการเปิด campus ใหม่สองแห่ง (นนทบุรีและระยอง) ในเดือนสิงหาคม 2566 เราคิดว่าการตอบรับโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย campus ที่นนทบุรีมีกำไรสุทธิ 4.3 ล้านบาทในขณะที่ campus ที่ระยองขาดทุนสุทธิ 10.8 ล้านบาทในงวด 1Q67 ซึ่งราคาดว่า campus ทั้งสองแห่งน่าจะมีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้นในปี 2567F นอกจากนี้ จะมีการขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาอีก 5% YoY ในปี 2567 เมื่อเริ่มปีการศึกษาใหม่ในเดือนสิงหาคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่ทำให้กำไรใน 3Q67F ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง ควบคู่ไปกับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในภาคการศึกษาใหม่
แนวโน้มยังเป็นบวก
เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของโรงเรียนนานาชาติในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีกับ SISB เพราะจัดอยู่ในอันดับต้นในเชิงจำนวนนักเรียนกลุ่มนี้ และการขยายที่นั่งเพื่อรองรับนักเรียนเพิ่ม ดังนั้น เราจึงคาดว่าโรงเรียนจะเติบโตอย่างมากในอีกสองสามปีข้างหน้า
Valuation & action
เมื่อพิจารณา platform ธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยมีจำนวนนักเรียนมากที่สุดในส่วนของโรงเรียนนานาชาติใน
ประเทศไทย ทำให้เรายังคงมุมมองทางบวกต่อแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังมองว่าผล
ประกอบการจะดีเลิศอย่างต่อเนื่องใน 2H67F ดังนั้น เราจึงคงคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายปี
2567F ที่ 44.50 บาท (ใช้ WACC ที่ 9%, TG ที่ 4%)
Risks
COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ และ ความขัดแย้งทางการเมือง.