วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ปัจจัยภายนอก ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการประชุม Third Plenum ของจีน ตัวเลขเศรษฐกิจรวมถึงเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง
นอกจากเพิ่มความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังเริ่มทำให้นักลงทุนมองถึงความเป็นไปได้ที่เฟดอาจเริ่มปรับลดดอกเบี้ยเร็วตั้งแต่การประชุม 31 ก.ค.นี้ หรือการปรับลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 18 ก.ย. ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลประกอบการยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดโทนของการลงทุนโดยรวม ซึ่งหากการชะลอของตัวเลขไม่น่ากังวลเกินไป อาจเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นต่อบรรยากาศลงทุนโดยรวม โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยเช่นโรงไฟฟ้า ทั้ง RATCH, EGCO, GULF, BGRIM, GPSC // ขณะที่ติดตามการประชุม Third Plenum ของจีน ซึ่งเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติที่ประชุมทุก 5 ปี
ก.ล.ต.กล่าวโทษผู้บริหาร EA อาจสร้างความผันผวนรอบใหม่ เรายุติการวิเคราะห์หุ้น EA หลัง 12 ก.ค. ทาง ก.ล.ต.กล่าวโทษบุคคล 3 ราย (ซึ่ง 2 รายแรกเป็นผู้บริหาร) ต่อ DSI ได้แก่ “สมโภชน์ อาหุนัย-อมร ทรัพย์ทวีกุล-พรเลิศ เตชะรัตโนภาส” กรณีทุจริต-หาประโยชน์ จากการจัดซื้อจัดจ้างบริษัทย่อย โรงไฟฟ้า 2 แห่ง ที่ลำปางและนครสวรรค์ (ESL และ ESN) ความเสียหายมูลค่า 3,456 ล้านบาท พร้อมยื่นฟ้องต่อ ปปง. ประเด็นดังกล่าวอาจสร้างความผันผวนและผลกระทบดังนี้ 1) การขาดความเชื่อมั่นต่ออนาคตของบริษัท เนื่องจากการกล่าวโทษทำให้ผู้บริหารต้องพ้นจากตำแหน่ง อาจกระทบต่อราคาหุ้น 2) ความกังวลต่อสภาพคล่องจากการคืนหนี้ปีนี้ จากหุ้นกู้ 2 ชุด 5,500 ล้านบาท และสถาบันการเงิน 3,200 ล้านบาท (ซึ่งบริษัทมีกระแสเงินสดจากธุรกิจราว 5,000 ล้านบาท) ความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจสร้างความผันผวนแก่ตลาดตราสารหนี้และหุ้นกู้ 3) ความผันผวนของราคาหุ้นและตลาดหุ้นกู้ คาดส่งแรงกระเพื่อมต่อกองทุนที่มีสถานการณ์ลงทุน รวมไปถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่มีการปล่อยมาร์จิ้นในหุ้น
4) ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้สถาบันการเงินและธนาคาร มีการตั้งสำรองเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงต่อการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/67 // แม้ผลกระทบมีความเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนของบริษัท อย่างไรก็ตามกรณีของ EA ถือได้ว่าต่างกับ STARK เนื่องจากเป็นความผิดส่วนบุคคล และจนถึงขณะนี้ไม่ได้มีเรื่องการสร้างรายได้เท็จ ดังนั้นคาดตลท.จะไม่สั่งหยุดพักการซื้อขาย และสถานการณ์ของบริษัทยังไม่เลวร้ายเท่ากรณี STARK
ภาพรวมกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรรายตัว ช่วงสั้นหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากลดดอกเบี้ยและมีกระแสเงินสดมั่นคง อาทิ สื่อสาร, ไฟฟ้า น่าสนใจ
แนวรับ: 1,316-1,323 / แนวต้าน : 1,340 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
ADVANC* (218) : ผลประกอบการฟื้นตัวตามกำลังซื้อ และรายได้เกษตรกร และอยู่ในช่วงที่มี แนวโน้มถูกปรับประมณการกำไรขึ้น อีกทั้งหุ้นซื้อขายด้วย PER ในโซนต่ำในรอบ 3 ปี ตัดขาดทุน 207 บาท
RATCH* (32) : กลุ่มโรงไฟฟ้าเป็นหุ้นปลอดภัยที่น่าสนใจจาก valuation ในระดับต่ำ 11x PER ขณะที่ให้คาดการณ์ผลตอบแทนปันผลที่ 6% ตัดขาดทุน 27 บาท
TACC* (6) : ผลประกอบการเข้าสู่ช่วง high season และได้ผลบวกจากกำลังซื้อ ตัดขาดทุน 4.76 บาท
TNP* (5) : ผลประกอบการยังอยู่ในโมเมนตัมกำไรที่ดีขึ้น และกำลังซื้อที่น่าจะดีขึ้นจากทั้งค่าแรงขั้นต่ำและดิจิทัลวอลเล็ต 3.40 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบยิงระหว่างหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย มือปืน-ผู้ร่วมงานเสียชีวิต 2 รายรวมถึงมีผู้ชมอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บ
- ADVANC ชนะคดี NT ไม่ต้องจ่ายค่าผลประโยชน์โรมมิ่งเพิ่มเติม 1.62 หมื่นลบ.
- ศุลกากรเผยเก็บ VAT สินค้านำเข้า ต่ำกว่า 1,500 บาท ดันรายได้เพิ่มวันละ 3.6 ลบ.
- กระทรวงมหาดไทย เตรียมออกประกาศ “ยกเว้นวีซ่า 60 วัน” 93 ประเทศ เริ่ม 15 ก.ค.
- 5 อันดับแรกมูลค่าขายชอร์ตมากสุด DELTA-R, TRUE, PTTEP-R, BDMS, AOT-R
- 5 อันดับแรก มูลค่า Short Covering HANA, HANA-R, EA, EA-R, TOP
- TISCO คงคำแนะนำ “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ลดลงเป็น 97.00 บาท
- EA, Ceasing Coverage
- SCC คงคำแนะนำ “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 250.00 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16 ก.ค. – US Retail Sales (June)