กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ กลับสู่โหมดไซด์เวย์... หลังรีบาวนด์มาระดับหนึ่ง

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ กลับสู่โหมดไซด์เวย์... หลังรีบาวนด์มาระดับหนึ่ง

อยู่ในช่วงพักฐาน โดยราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวังว่า Fed จะลดดอกเบี้ยมากขึ้นไปแล้ว ในสัปดาห์ที่แล้ว (8-12 กรกฎาคม) ตลาดหุ้นไทยยังขึ้นต่อตามที่เราคาดไว้ จากปัจจัยดังต่อไปนี้

ปัจจัยแรก คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงแรง หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสองสามรายการ โดยเฉพาะ CPIs เดือนมิถุนายนออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดเอาไว้ และทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งอาจจะเริ่มลดในเดือนกันยายน ปัจจัยที่สอง นักลงทุนมองบวกมากขึ้นกับแนวโน้มการฟื้นตัวของ GDP ไทยใน 2H67 จากการที่รัฐบาลยืนยันจะดำเนินมาตรการ digital wallet ใน 4Q67 โดยในปัจจุบัน รัฐบาลยืนยันว่าไม่มีแผนจะปรับลดความครอบคลุมของมาตรการนี้

สำหรับสัปดาห์นี้ (15-19 กรกฎาคม) เราคาดว่าดัชนี SET จะพักฐาน โดยโมเมนตัมการ rebound ของตลาดในช่วงที่ผ่านมาน่าจะแผ่วลงเนื่องจาก

ปัจจัยแรก ตลาดหุ้นสหรัฐเหมือนจะสะท้อนความคาดหวังว่าสหรัฐจะลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้ง (50-75bps) ตามสัญญาณของ Fed Fund Futures ในขณะที่ไม่มีกำหนดการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ดังนั้น เราจึงคาดว่าตัวแปรทางการเงินของสหรัฐน่าจะเคลื่อนไหวในวงจำกัด  ปัจจัยที่สอง การที่ กลต. กล่าวโทษผู้ถือหุ้นใหญ่ และ ผู้บริหารของ EA* ในกรณีทุจริตอาจจะสร้างจิตวิทยาเป็นลบให้กับตลาดหุ้นกู้ของบริษัทไทย และส่งผลกระทบทางอ้อมต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม GDP 2Q67 ของจีน, ผลการประชุม ECB, ผลประกอบการกลุ่มธนาคารไทย และ กระแสข่าวการเมือง

ปัจจัยเศรษฐกิจโลก: นักลงทุนควรติดตาม i) GDP 2Q67 ของจีนในวันที่ 15 กรกฎาคม ซึ่ง consensus คาดว่าจะขยายตัว 5.0% YoY VS 5.3% YoY ใน 1Q67 ii) ผลการประชุมตัดสินนโยบายการเงินของ ECB ในวันที่ 18 กรกฎาคม ซึ่งคาดว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ย Refi Rate เอาไว้ที่ 4.25%

ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ผลประกอบการ 2Q67 ของกลุ่มธนาคาร และ ii) กระแสข่าวการเมือง โดยในวันที่ 17 กรกฎาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล

 

ยังเน้นธีมกลยุทธ์หลักสำหรับเดือนกรกฎาคม & หุ้น ESG ที่น่าสนใจ

เนื่องจากเรามองว่าตลาดน่าจะฟื้นตัวได้บ้าง แต่ในภาพใหญ่จะยัง sideways เราจึงยังคงเน้นธีมกลยุทธ์หลักอย่างเช่น i) ธีมการฟื้นตัวของยุโรป และ จีน (MINT* และ CPF*) ii) ธีมวัฏจักรเทคโนโลยีที่ยาวขึ้น, การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ AIs ทั่วโลก และ ผลประกอบการ 2H67 มีแนวโน้มดีขึ้น (DELTA*) iii) หุ้นกลุ่ม F&B ที่ผลประกอบการมีแนวโน้มแข็งแกร่งใน 2Q67 (OSP*, CBG* และ ICHI*) ในขณะเดียวกัน ในแง่การเก็งกำไร นักลงทุนน่าจะเข้าซื้อหุ้น laggard ในดัชนี SETESG เพื่อดักหน้าการประกาศสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาในเร็ว ๆ นี้ เราได้คัดหุ้นจากดัชนี SETESG และ มองว่ามีหกตัวที่น่าสนใจ (ADVANC*, CPF*, GPSC*, OSP*, ICHI* และ RBF*)