วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCB อาจจะจ่ายปันผลลดลงเล็กน้อยจากกรณี EA
ปัญหาสภาพคล่อง (Credit run) ของ EA ทำให้สะเทือนแนวโน้มของธนาคาร
EA แจ้ง SET เกี่ยวกับสินเชื่อธนาคาร และ สินเชื่ออายุ 1 ปี และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระคืนในปี 2567 โดยมียอดสินเชื่อธนาคารเมื่อสิ้นงวด 1Q67 อยู่ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้นประมาณ 8.3 พันล้านบาท สินเชื่อระยะยาว 1.7 หมื่นล้านบาท และ สินเชื่อที่จะครบกำหนดภายใน 1 ปีประมาณ 5.3 พันล้านบาท ซึ่ง EA ได้ชำระคืนสินเชื่อบางส่วนไปแล้วประมาณ 3 พันล้านบาทในระหว่าง 2Q67 ในขณะเดียวกัน มีหุ้นกู้ที่จะครบอายุภายใน 1 ปี ประมาณ 5.5 พันล้านบาท (จากยอดหุ้นกู้รวม 3.2 หมื่นล้านบาท) ซึ่งหากมีการผิดนักชำระหุ้นกู้ชุดใดชุดหนึ่งจะทำให้เกิดการ cross default กับสินเชื่อธนาคารไปด้วย ทั้งนี้ ตามกำหนดการชำระคืนหุ้นกู้ EA มีกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ระยะยาวประมาณ 5.5 พันล้านบาท (1.5 พันล้านบาทในเดือนสิงหาคม 2567, 4.0 พันล้านบาทในเดือนกันยายน 2567) และ มีหุ้นกู้ระยะสั้นอายุ-<1-yr ที่ครบกำหนดไถ่ถอนอีก 1.4 พันล้านาทในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2567)
ภายใต้สมมติฐานการตั้งสำรอง 5-6 พันลบ.ในหนี้ EA จะกระทบเงินปันผลลดลง
สินเชื่อธนาคารของ EA มาจากธนาคารหลายแห่ง ซึ่งมีทั้งสินเชื่อที่มีหลักประกัน และ ปลอดหลักประกัน โดยหลักประกันมีทั้งที่ดิน อาคาร และ เครื่องจักร ทั้งนี้ จากยอดสินเชื่อ EA ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท ในกรณีเลวร้ายที่สุด ซึ่งเราใช้สมมติฐานว่า SCB เป็นธนาคารหลักที่ปล่อยกู้ 1.0-1.3 หมื่นล้านบาท (หรือ 50-60%ของสินเชื่อทั้งหมดของ EA) และ ที่เหลือเป็นของธนาคารอื่น ๆ (BAY KKP KBANK KTB) มี หากใช้สมมติฐานว่าเป็นสินเชื่อที่หลักประกันมีมูลค่า 50% เราคิดว่า SCB มีความเสี่ยงที่จะต้องตั้งสำรองเพิ่มอีกประมาณ 5-6 พันลบ. ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรของ SCB 9% -12% ในกรณีเลวร้ายที่สุด
กรณี EA จะไม่กระทบกับเงินกองทุนขั้นที่ 1 ของ SCB แต่น่าจะจ่ายปันผลน้อยลง
ประมาณการกำไรของ SCB จะลดลง 9-12% จะส่งผลกระทบต่อ CET-1 I จะน้อยมากเพียง <0.2% และ
เงินกองทุนขั้นที่ 1 (CET-1) และ Tier I ที่เหลือยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 17.2% ซึ่งสูงกว่า BBL ที่ 15.6% และ
KBANK ที่ 15.7% อย่างมาก) ทั้งนี้ เงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่สูงจะทำให้ SCB ยังจ่ายเงินปันผลได้ที่อัตรา 80%
ของกำไรได้ ในปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะจ่ายปันผลได้ที่ 8-9 บาท/หุ้น
คงคำแนะนำถือ และ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567F ที่ 117 บาท
ในกรณีเลวร้ายที่สุด EA จะทำให้ SCB ต้องกันสำรองเพิ่มประมาณ 5-6 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ ROE
ของ SCB ลดลงจาก 9% เหลือประมาณ 8% และ จะฉุดให้การประมูลค่าหุ้น PBV ลดลงจาก 0.8x เหลือ
0.7x ซึ่งจะทำให้ได้ราคาหุ้นของ SCB เคลื่อนไหวอยู่ที่ 95-97 บาท
Risks
NPL เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อปลอดหลักประกัน, credit cost เพิ่มขึ้น