วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.เคจีไอฯ BCPG กำไรหลัก 2Q67F จะต่ำสุดในรอบทศวรรษ
ประมาณการ 2Q67F – กำไรสุทธิเพิ่มสูงมาก แต่กำไรหลักแย่สุดในรอบทศวรรษ วันที่ 7 ส.ค. เราคาด BCPG รายงานกำไรสุทธิ 2Q67F จะอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท (+747% YoY และ+233% QoQ)
พร้อมกำไรหลักที่ 1 ล้านบาท (-99% YoY และ -99% QoQ) (ไม่รวมกำไรหลักก้อนใหญ่หลังหักภาษีจากการขายโครงการทั้งหมดในญี่ปุ่น (2 พันล้านบาท), ขาดทุน FX (100 ล้านบาท) ขณะที่กำไรสุทธิและกำไรหลักใน 1H67F จะอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (+201% YoY) (คิดเป็น 73% ของกำไรสุทธิปี 2567F ของเรา) และ 344 ล้านบาท (+0.5% YoY) (คิดเป็น 37% ของกำไรหลักปี 2567F) ตามลำดับ
ประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสนใจ – Adder ชุดสุดท้ายหมดอายุและโรงไฟฟ้าในสหรัฐเป็นช่วง low season
กำไรหลักแย่ลง YoY หลัก ๆ จะเป็นเพราะ adder ของโครงการ solar ต่าง ๆ (80MWe) หมดอายุลงและ
ต้นทุนดอกเบี้ยพุ่งขึ้น ส่วนกำไรหลักตกต่ำลง QoQ จะเกิดจากการหมดอายุลงของ adder ชุดสุดท้ายของ
โครงการ solar ต่าง ๆ ในประเทศไทย (40MWe) (Figure 5) พร้อมกับโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ในสหรัฐ
(857MWe) เป็นช่วง low season แต่ยังได้แรงหนุนจากการดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำต่างๆ และโครงการ solar ในประเทศญี่ปุ่นแข็งแกร่งขึ้นตามฤดูกาล ทั้งนี้ การขายโครงการ solar ต่าง ๆ ในญี่ปุ่นออกไปทั้งหมด (117MWe) ได้เกิดขึ้นไปเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 ขณะที่ เราตั้งสมมติฐาน GPM ลดลงอยู่ที่ 41.7% (เทียบกับ 41.9% ใน 1Q67 และ48.1% ใน 2Q66)
แนวโน้มเป็นอย่างไร...?
เราเชื่อว่า BCPG จะเลื่อนการ COD โครงการโซลาร์ไต้หวันระยะที่ 1 ไปเป็นปี 2568F (จาก 4Q24F) จาก
ความล่าช้าของระบบราชการ ซึ่งจะถือเป็นการเลื่อน 2 ปีติดต่อกัน (Figure 2) ขณะที่แนวโน้ม BCPG ยังน่าสงสัยว่าผลบวกต่างๆ จากการเข้าซื้อโครงการใหม่ ๆ (โครงการในสหรัฐและ oil terminal) จะหักล้างผลกระทบจากโครงการต่าง ๆ ที่ adder กำลังจะหมดอายุและการไม่มีสินทรัพย์ต่าง ๆ ในญี่ปุ่นอีกต่อไปได้หรือไม่ แต่หากมอง 3Q67F (เป็นช่วงสูงสุดของปี) เราคาดว่ากำไรหลักจะพุ่งขึ้น QoQ ด้วยแรงหนุนจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำต่างๆ ในลาวและโครงการก๊าซในสหรัฐ เป็นช่วง high season จะช่วยบรรเทาจากผลกระทบ adder ทั้งหมดที่หมดอายุลงเต็มไตรมาสนี้ แต่หากเทียบกับ 3Q66 เราคาดกำไรหลักลด YoY
Valuation & Action
เรายังแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ลดลงเหลือ 6.40 บาท (จากเดิม 7.20 บาท) เพราะเราคิดรวมส่วนลด 50% จากมูลค่าของโครงการ solar ต่างๆ ในไต้หวัน (เหลือ 0.8 บาทจากเดิม 1.6 บาท) บนสมมติฐานการ COD ยังไม่แน่นอน ขณะที่ การ de-rating มีความเป็นไปได้ท่ามกลางการหาการเติบโตใหม่ ๆ และผลลบจากกำไร 2Q67F อาจออกมาน่าผิดหวัง ขณะที่เราคาดว่าตลาดจะมีการปรับลดกำไรและราคาเป้าหมายลง ทั้งนี้ เราคิดว่าโครงการใหม่ ๆ ขนาดใหญ่อาจจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เราปรับเพิ่มคำแนะนำในอนาคต นอกเหนือไปจากโครงการในมือ (พลังงานลม (290MWe) และ solar ในไต้หวัน (469MWe))
Risks
ปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overruns และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย