กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ฟื้นตัวต่อจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว มุมมองในประเทศดูดีขึ้น

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ฟื้นตัวต่อจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว มุมมองในประเทศดูดีขึ้น

ดัชนีฯ น่าจะรีบาวนด์ต่อ ตามความคาดหวังว่าเศรษฐกิจในประเทศใกล้ฟื้นตัว ในสัปดาห์ที่แล้ว (23 - 26 กรกฎาคม) ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนัก แต่ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยภาวะแวดล้อมตลาดเป็นดังนี้

ประการแรก ในช่วงต้นสัปดาห์ นักลงทุนตอบรับในเชิงลบกับกระแสความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ของภาคการเงิน และ การที่คณะรัฐมนตรีเลื่อนการอนุมัติสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน Thai ESG ออกไป

ประการที่สอง ในช่วงปลายสัปดาห์ ดัชนี SET ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่กระทรวงการคลังปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวของ GDP ปี 2567 เป็น 2.7% (จากเดิม 2.4%) ซึ่งช่วยให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ใน 2Q67 (กำหนดประกาศในช่วงกลางเดือนสิงหาคม) จะออกมาดีเกินคาด

สำหรับในสัปดาห์นี้ (30 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม) เราคาดว่าดัชนี SET จะขยับขึ้นต่อ เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้

ปัจจัยแรก คือ นักลงทุนยังคงมองบวกกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในตลาดโลก ทั้งนี้ จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐหลายตัวในสัปดาห์นี้ ซึ่งไม่น่าจะทำให้ความคาดหมายของตลาดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่คาดว่า Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจีนยังปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLF 1 ปี ลง 20bps อย่างเหนือความคาดหมายด้วย

ปัจจัยที่สอง เราคาดว่าคณะรัฐมนตรีของไทยจะอนุมัติเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับกองทุน Thai ESG หลังจากที่ถูกเลื่อนมาสองสามสัปดาห์แล้ว

 

 

อย่างไรก็ตาม เรามองว่า upside ในระยะสั้นอาจจะถูกจำกัดด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองก่อนที่ศาลจะตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล (7 สิงหาคม) และ คดีสถานะของนายกเศรษฐา (14 สิงหาคม)

ติดตามผลการประชุม FOMC, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ, GDP ยุโรป และ ตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนไทย

ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตามตัวเลข GDP 2Q67 ของยุโรป (30 กรกฎาคม), ผลการประชุม FOMC (31 กรกฎาคม), ดัชนี ISM ภาคการผลิต (1 สิงหาคม) และ รายงานการจ้างงานรายเดือน (2 สิงหาคม)

ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทยในเดือนมิถุนายน และ 2Q67 ในวันที่ 31กรกฎาคม ซึ่งจะเป็นข้อมูลชุดสุดท้ายในการประเมิน GDP 2Q67 นอกจากนี้ ยังควรติดตามการพิจารณาอนุมัติสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน ESG รวมถึงความคืบหน้าของการลงทะเบียนมาตรการ digital wallet ด้วย

หันมาเน้นหุ้น domestic plays อย่างเช่น กลุ่มธนาคาร, ผู้บริโภค และ โครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น 

เนื่องจากเรามองว่าโมเมนตัมของราคาหุ้น domestic plays จะแข็งแกร่งขึ้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนหันมาเน้นหุ้น domestic plays มากขึ้น อย่างเช่น กลุ่มธนาคาร (เศรษฐกิจแข็งแก่รงขึ้นในระยะต่อไป), ผู้บริโภค (หุ้นบางตัวในกลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการ digital wallet) และ โครงสร้างพื้นฐาน (การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่าย และ งบลงทุนของภาครัฐ) ทั้งนี้ หุ้นที่เราแนะนำตามธีมข้างต้นได้แก่ BBL*, KTB*, CPALL*, CPAXT*, CK* และ BEM*