วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว หากค่าเงินญี่ปุ่นยืนเหนือ 144 เยน/ดอลลาร์สหรัฐฯ
ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว ติดตามผลประกอบการ / สถานะ Carry Trade /ความเห็นประธานเฟด ตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้ ฟื้นตัวหลังปรับตัวลงแรงในช่วง 2-3 วันก่อนหน้า จากปัจจัยกังวลหลัก 2 เรื่อง
1) ความกังวลการขายสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อคืนเงินกู้ยืมสกุลเยน (Unwind Yen Carry Trade) และ 2) ความเสี่ยงการเกิดเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ // การปรับลดลงแรงทำให้ตลาดทั่วโลกฟื้นตัวจากสภาวะขายมากเกิน (oversold) ปัจจัยที่อาจกำหนดการฟื้นตัวหรือเคลื่อนไหวของตลาดช่วงนี้ ได้แก่ ที่การรายงานผลประกอบการโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้เป็นการยากที่จะสรุปว่าการล้างสถานะ Yen Carry Trade เกิดขึ้นแล้วเสร็จหรือยังมีสถานะคงค้างอีกมากน้อยเพียงใด ดังนั้นอาจต้องติดตามความผันผวนของเงินเยน และต้นทุนการประกันความเสี่ยงค่าเงินเยน ซึ่งหากการเคลื่อนไหวข้างต้นเริ่มนิ่ง อาจบ่งชี้ถึงสถานการณ์ของตลาดที่เริ่มสงบลง ขณะที่ติดตามความเห็นกรรมการเฟดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ โยยมีเหตุการณ์สำคัญที่ต้องติดตาม คือการประชุมประจำปีของเฟด 22-24 ส.ค.ว่าประธานเฟดจะส่งสัญญาณอย่างไร
มองความผันผวนจากการพิจารณาคดียุบพรรคเปิดโอกาสลงทุนที่ดี ติดตามการพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลวันนี้ เราประเมินคำตัดสินจะออกมาไม่ยุบพรรค (ความน่าจะเป็น 70%) เนื่องจาก 1) การดำเนินคดีที่ไม่ครบขั้นตอน 2) สมดุลอำนาจทางการเมืองในปัจจุบันเป็นบวกต่อการทำงานและการตรวจสอบ 3) แนวทางของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโลด (Bureau of WCCJ) และ สมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC) ที่ไทยเป็นประธาน และจะประชุมที่ไทย 17-21 ก.ย. ไม่สนับสนุนแนวทางยุบพรรค ยกเว้นพรรคสนับสนุนการใช้ความรุนแรงเพื่อล้มล้างการปกครอง ซึ่งเรามองตลาดจะตอบรับเชิงบวกเล็กน้อย // ในกรณีศาลฯ ตัดสินยุบพรรค (ความน่าจะเป็น 30%) เรามองตลาดอาจตอบรับเชิงลบทางผลทางจิตวิทยาระยะสั้น และจะไม่เกิดความวุ่นวายจากจุดยืนของก้าวไกลที่สู้ในระบบรัฐสภา ซึ่งแตกต่างจากกรณีเสื้อเหลือง-แดง ในอดีต ขณะที่การปรับลดลงจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน ประเมิน downside ของ SET ที่ 1,230-1,270 จุด
ภาพรวมกลยุทธ์ วันนี้มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องหลังเงินเยนเริ่มกลับมาอ่อนค่า แต่ในช่วง 1 เดือนข้างหน้า ยังต้องระวังความผันผวนจาก1) การ unwind yen carry trade และ 2) กังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย ทำให้เงินยังมีโอกาสเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย คาดกลุ่มคล้ายพันธบัตร และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ แกร่งกว่าตลาด ขณะที่ใชัจังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นขาขึ้น อาทิ สื่อสาร, อาหาร และค้าปลีก
แนวรับ: 1,250-1,270 / แนวต้าน : 1,282-1,290 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• CPNREIT* (13) : กลุ่มโรงไฟฟ้าและรีทส์มีแนวโน้มเป็นกลุ่มพักเงินในช่วงเงินย้ายจากกลุ่มเทคโนโลยี ไปยังกลุ่มอื่นๆ ตัดขาดทุน 10.50 บาท
• RATCH* (36) : ผลประกอบการไตรมาส 2-3/67 แข็งแกร่ง จากการรับรู้รายได้จากทั้งโรงไฟฟ้าหินกองและไพธอน ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปีนี้ 8 เท่า และปันผล 6% ตัดขาดทุน 27 บาท
• 3BBIF* (6.50) : กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ได้ประโยชน์ด้าน Valuation จากดอกเบี้ยขาลง ขณะที่การปรับโครงสร้างในกลุ่มของ GULF-INTUCH เป็นปัจจัยบวกระยะยาวต่อการมีสินทรัพย์ที่จะขายเข้ากองเพิ่มเติม ตัดขาดทุน 5.35 บาท
• GUNKUL* (2.40) : ผลประกอบการไตรมาส 2/67 เติบโต QoQ, YoY และเข้าสู่ high season ไตรมาส 3 ขณะที่ผลตอบแทนปันผลระหว่างกาลสูงถึง 4% ตัดขาดทุน 1.955 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้ GDP สหรัฐ +2.9% ใน Q3/67
- "แฮร์ริส" ประกาศเลือก "วอลซ์" ผู้ว่าฯ รัฐมินนิโซตา เป็นคู่ชิงรองปธน.
- สว. โหวตผ่านงบดิจิทัลวอลเล็ต 3 วาระ
- DELTA ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังฟื้นตัวต่อเนื่องรับดีมานด์ Data Center-AI-EV
- ADVANC โชว์กำไรสุทธิ Q2/67 โต 19% หลังรับรู้ EBITDA ของ TTTBB ยอดผู้ใช้ 5G โตแกร่ง
- IRPC และบ.ย่อย ไตรมาส 2/67 ขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 732.29 ลบ.
- IRPC แนะนำ “ซื้อ” เป้า 1.90บาท/ MTC แนะนำ “ซื้อ” เป้า 56บาท/ QH แนะนำ “ถือ” เป้า 1.82 บาท/ HMPRO แนะนำ “ซื้อ” เป้า 12.10 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 ส.ค. – ติดตามการพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล