วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ปัจจัยบวกขายวายุภักษ์ 1 การพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ
ตลาดรอติดตามสัญญาณจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ตลาดหุ้นต่างประเทศเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ระหว่างรอติดตามสัญญาณตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.ค. ซึ่งตลาดคาดจะออกมา +0.2% MoM และ +3.0% YoY (จากเดือนมิ.ย.ที่ -0.1% MoM และ +3.0% YoY)
การชะลอตัวลงมากกว่าคาดของเงินเฟ้อ แม้จะหนุนโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม รอบ ก.ย. ในระดับ 0.50% แต่ก็อาจทำให้นักลงทุนกังวลภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น
การเปิดตัวกองทุนวายุภักษ์ 1 อาจทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าผลักดันตลาดหุ้นไทย กระทรวงการคลัง ก.ล.ต. และตลท. เตรียมแถลงรายละเอียดการขายหน่วยลงทุนประเภท ก. กองทุนวายุภักษ์ 1 เพื่อเสริมการออมและการลงทุนให้กับประชาชนในประเทศ ทั้งนี้การกลับมาเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งนี้คาดจะแตกต่างจากการเสนอขายครั้งก่อนในช่วง 4 พ.ย.46 (ซึ่งมีลักษณะเป็นกองทุนปิด) โดยในรอบนี้จะเป็นกองทุนเปิด และคาดมีการประกันผลตอบแทนเงินปันผล แต่คาดไม่คุ้มครองเงินต้น ซึ่งการเปิดขายสามารถทำได้ทันทีตามกรอบหนังสือชี้ชวนหลังกองทุนวายุภักษ์ กลายเป็นกองทุนเปิดในปี 2556
การพิจารณาคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของศาลรัฐธรรมนูญเป็นปัจจัยกดดันหลักต่อจิตวิทยาการลงทุน ในวันที่ 14 ส.ค.67 ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดตัดสินเกี่ยวกับคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้งรัฐมนตรีที่อาจมีปัญหาด้านจริยธรรม ผลลัพธ์เป็นไปได้คือ 1) ไม่ผิด (ความน่าจะเป็น 60%) คุณเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ และนโยบายสำคัญต่างๆ เดินหน้าต่อโดยไม่ติดขัด ซึ่งเป็นบวก 2) ผิด (ความน่าจะเป็น 40%) คุณเศรษฐาต้องพ้นจากตำแหน่ง ส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง จากการสรรหานายกรัฐมนตรีใหม่ และการเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาล ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
MSCI ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า-ออกดัชนี – Global Standard - หุ้นเข้า : ไม่มี / หุ้นออก : AWC EA GPSC IVL // Small Cap - หุ้นเข้า : BJC EA KAMART TLI / หุ้นออก : BA BYD EPG NEX ORI PTG RBF RATCH SC SJWD SKY SNNP
ภาพรวมกลยุทธ์ ฟื้นตัวและยังมีบรรยากาศเก็งกำไรรายตัวเชิงบวก แต่ยังมองช่วง 1-2 เดือนนี้ เงินมีโอกาสเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย คาดกลุ่มคล้ายพันธบัตร และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ แกร่งกว่าตลาด ขณะที่ใชัจังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นขาขึ้น อาทิ สื่อสาร, อาหาร และค้าปลีก
แนวรับ: 1,270-1,285 / แนวต้าน : 1,305-1,310 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• CPN* (63) : ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่ราคาปัจจุบันซื้อขายด้วย Valuation ที่เพียง 15 เท่า ต่ำเทียบเท่าระดับช่วงโควิด ตัดขาดทุน 53.50 บาท
• RATCH* (36) : ผลประกอบการไตรมาส 2-3/67 แข็งแกร่ง จากการรับรู้รายได้จากทั้งโรงไฟฟ้าหินกองและไพธอน ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปีนี้ 8 เท่า และปันผล 6% ตัดขาดทุน 27 บาท
• EGCO* (116) : ราคาหุ้นตอบรับผลประกอบการที่อ่อนแอจากการตั้งสำรองโครงการผลิตไฟฟ้าที่ต่างประเทศไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบัน ซื้อขายด้วย PER 8x, PBV 0.46x และให้ปันผล 6.72% ตัดขาดทุน 93 บาท
• GUNKUL* (2.40) : ผลประกอบการไตรมาส 2/67 เติบโต QoQ, YoY และเข้าสู่ high season ไตรมาส 3 ขณะที่ผลตอบแทนปันผลระหว่างกาลสูงถึง 4% ตัดขาดทุน 1.955 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- จีนยื่นอุทธรณ์ WTO หลัง EU สั่งเก็บภาษีนำเข้า EV เพิ่ม 38%
- ตลท.ดีเดย์ใช้ 3 มาตรการกำกับซื้อขาย Auction Matching, Dynamic Price Band, Minimum Resting Time ตั้งแต่ 2 ก.ย.67
- ผู้ถือ “หุ้นกู้ EA248A” โหวตหนุนยืดหนี้ 9 เดือน 16 วัน รับดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 5% ไม่ถือเป็นเหตุผิดนัด
- TNP ครึ่งแรกปี 67 กวาดรายได้ 1,409 ลบ. กำไรโตเฉียด 18% บอร์ดเคาะเงินปันผล 0.0425 บ. ครึ่งปีหลังไฟแรงขยายอีก 4 สาขา
- BTG แนะนำ “ซื้อ” เป้า 26.50บาท/ PTT แนะนำ “ซื้อ” เป้า 37บาท/ WHA แนะนำ “ซื้อ” เป้า 6 บาท/ TIDLOR แนะนำ “ถือ” เป้า 15.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 ส.ค. – Unemployment Rate (Jun)