วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ตัวเลขเศรษฐกิจจีนและยอดค้าปลีกสหรัฐฯ

ส่วนในระยะสั้น การกลับมาสร้าง Lower Low ด้วยแท่งเทียนขนาดใหญ่ วานนี้ ทำให้ทิศทางดัชนีฯระยะสั้นกลับมาอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยมีเป้าหมายลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมปีนี้ ที่ 1,273.17 จุด

ประเด็น Event สำคัญวันนี้

US: 2Q24E Earnings Results จับตารายงานผลกำไร Walmart คาด 2Q24E EPS USD0.64 Vs Previous EPS USD1.84; Applied Materials คาด 3Q24E EPS USD2.03 Vs Previous EPS USD1.90; Alibaba คาด 1Q24E EPS USD15.00 Vs Previous EPS USD17.37; NetEase คาด 2Q24E EPS USD11.95 Vs Previous EPS USD14.01

TH Earnings Results: BCH CPN SAWAD STEC TQM ฯลฯ

US: จับตาสัญญาณลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปของ Fed St. Louis Alberto Musalem (Non-Voter) และ Fed Philadelphia Patrick Harker (Non-Voter)

TH: การเมืองไทยกลับมาเพิ่มความเสี่ยงเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยรอบใหม่ หลังวานนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 เสียง ให้ถอดถอน นายกฯ เศรษฐา เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ อันเป็นลักษณะต้องห้าม ส่งผลต่อนายกฯ และครม.ชุดปัจจุบัน ต้องออกจากตำแหน่งทันที ขณะที่รัฐธรรมนูญปี 2017 (2560) กำหนดให้สภาฯ ต้องมีการรีบคัดสรรนายกฯ ใหม่ไห้ได้โดยเร็ว และต้องเลือกจาก แคนดิเดตนายกฯ ที่มีรายชื่ออยู่ในแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งขณะที่มีเหลืออยู่ 7 คน จาก 5 พรรค ทั้งนี้ เราประเมินว่าน.ส. แพทองธาร ชินวัตร หรือนายชัยเกษม นิติสิริ ตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ยังคงมีโอกาสสูงสุดที่จะได้รับคัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ภายใต้พรรคร่วมรัฐบาลยังคงเป็นเช่นเดิม ซึ่งคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจแต่อย่างใด เนื่องจากแนวนโยบายเศรษฐกิจต่าง ๆ คาดว่าจะไม่แตกต่างไปจากเดิม  ส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่มีโอกาสรองลงมา คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูร หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในกรณีที่พรรคเพื่อไทยไม่พร้อม หรืออาจมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวนโยบายเศรษฐกิจที่อาจกแตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะโครงการ Digital Wallet

 

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ

CN: รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. นำโดย Retail Sales คาด 2.6% YoY (Vs เดือน มิ.ย. 2% YoY) Fixed Asset Investment YTD คาด +3.9% YoY (Vs เดือน มิ.ย. 3.9% YoY) Industrial Production คาด +5.2% YoY (Vs เดือน มิ.ย. 5.3% YoY) House Price Index คาด -5% YoY (Vs เดือน มิ.ย. -4.5% YoY) Unemployment Rate คาด 5.1% (Vs เดือน มิ.ย. 5.0%)

UK: รายงาน 2Q24E GDP Growth คาด +0.6% QoQ, +1.0% YoY (Vs 1Q24 GDP Growth +0.7% QoQ, +0.3% YoY)

US: ยอดค้าปลีก Retail Sales เดือน ก.ค. คาดดีขึ้นเล็กน้อย +0.3%MoM +1.8%YoY (Vs เดือน มิ.ย. 0% MoM, +2.3% YoY) และ คาดว่าจะเติบโตทรงตัว +0.5% MoM, +1.8% YoY ณ สิ้นปี 2024 ส่วน Industrial Production เดือน ก.ค. คาดชะลอตัวลงเหลือ +0.1% MoM +1.1% YoY (Vs เดือน มิ.ย. +0.6% MoM, +1.6% YoY)

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำหุ้นที่มีประเด็นบวก ได้แก่ TRUE OSP CPF

 

Strategic daily picks

TRUE     ปิด 10.30 บาท/แนวรับ 9.80 บาท แนวต้าน 10.80 บาท

2Q24 และ 1H24 มีผลขาดทุนสุทธิ 1.88 พันล้านบาท และ 2.65 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยผลขาดทุนสุทธิใน 2Q24 เป็นผลจากขาดทุนสุทธิได้รับผลกระทบเชิงลบจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 4.23 พันล้านบาท จากการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสม 11.27 บาท

 

 

OSP     ปิด 23.70 บาท/แนวรับ 23.20 บาท แนวต้าน 24.30 บาท

OSP คาดแนวโน้ม 2Q24 เติบโต YoY, QoQ เนื่องจากยอดขายในประเทศไทยและต่างประเทศเติบโต ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานใน 2H24 คาดยอดขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในประเทศไทยจะมีการขยายตัวต่อเนื่อง จาก 1H24 ซึ่งเป็นไปตามกิจกรรมการตลาดและภาคการท่องเที่ยว จะช่วยหนุนยอดขายของบริษัท ส่วนยอดขายในต่างประเทศ น่าชะลอตัวลงจาก 1H24 ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล โดยภาพรวมทั้งปี 2024 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำ 5% จากปีก่อน ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสม 27.97 บาท

CPF   ปิด 24.20 บาท/แนวรับ 23.60 บาท แนวต้าน 26.00 บาท

2Q24 กำไรสุทธิ 6.9 พันล้านบาท หากไม่รวมกำไรพิเศษ 1.3 พันล้านบาท และกำไรปกติ 5.6 พันล้านบาท ดีกว่าคาด 35% จาก 1. อัตรากำไรขั้นต้น 15.4% ดีกว่าเราคาดไว้ที่ 13.8% 2. ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม 3.4 พันล้านบาท สูงกว่าคาด 35% (เราคาด 2.5 พันล้านบาท) จาก CPALL,นมเมจิ และ CTI(หมูในจีน) ดีกว่าคาด โดย KTX ประเมินมูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 22.25 บาท (Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสม 27.91 บาท)