วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ ORI ผลประกอบการ 2Q67: ยังต้องดิ้นรนต่อไป
ORI รายงานกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 452 ล้านบาท (-48% YoY และ -3% QoQ) เป็นไปตาม Bloomberg consensus คาด โดยที่รายได้จากการขายที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (+16% YoY และ +38%QoQ)
ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นแย่ลงที่ 29.4% จากอัตราปกติ 32% อีกทั้งรายได้ที่ไม่ใช่การขายที่อยู่อาศัยอ่อนตัวลง 39% YoY และ 22% QoQ ด้วยเพราะเป็นช่วง low season ของธุรกิจโรงแรมและมีรายได้ค่าบริหารโครงการน้อยลง ข้อดีคือ ORI คุมรายจ่าย SG&A อย่างเข้มงวดทำให้สัดส่วน SG&A ต่อรายได้ดีขึ้นอยู่ที่ 20% ลดจาก 23-24% ก่อนหน้า แต่ต้นทุนการเงินกลับสูงขึ้นมาก 35% YoY และ 13% QoQ จากการกู้ยืมมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นและการบันทึกดอกเบี้ยเข้าไปในต้นทุนการพัฒนาอสังหาฯ (interest capitalization) ได้น้อยลง ในส่วนของกำไรที่เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทร่วมค้าใหม่ที่ 266 ล้านบาทต่ำลงทั้ง YoY และ QoQ หลัง ORI กลับมาดำเนินนโยบายอนุรักษ์นิยมมากขึ้นต้นแต่ปลายปี 2566
กำไร 1H67 ลดแรง 45% YoY
ด้วยเหตุที่กำไร 1H67 ที่ 916 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของประมาณการกำไรเต็มปีนี้ของเรา ชี้เป็นนัยว่ายังมี downsides อีกเกินกว่า 15% จากประมาณการ ฯ เต็มปีของเรา ขณะที่ รายได้จากการขายที่อยู่อาศัยจนถึงตอนนี้ ชะลอตัว 8% YoY ท่ามกลางสภาพแวดล้อมการดำเนินงานปัจจุบันที่ยากลำบาก อีกทั้งรายได้ไม่ใช่การขายอสังหาฯลดลง 25% ด้วย ส่วนหนึ่งเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงหลักนโยบายข้อปฏิบัติทางบัญชีต่าง ๆ ในการบันทึกค่าธรรมเนียมบริหารจัดการโครงการ แม้ว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ margin ทุกธุรกิจยังลดลง อีกทั้งต้นทุนการเงินพุ่งก้าวกระโดดขึ้น 43.5% YoY นอกจากนี้เรามองว่านักลงทุนยังมีความกังวลต่อ net gearing ของ ORI สูงที่ 1.6x และหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยระยะสั้นก้อนใหญ่อยู่ราว 1.6 หมื่นล้านบาท (45% จากหนี้ทั้งหมดของบริษัท ฯ)
Valuation & Action
ปัจจุบันนี้ เราคงคำแนะนำให้ ขาย หุ้น ORI ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567F ที่ 5.20 บาท อิงจาก discounted PE ที่ 5.6x (-1SD) โดยเห็นความเสี่ยง downside risk กรณีมีการปรับลดคาดการณ์ลงอีก
Risks
ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ โอกาสมีนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ การให้สินเชื่อมีความเข้มงวดมากขึ้น ท่ามกลางภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนสูงยืดเยื้อรวมทั้ง การปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้น
