วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ประธานเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยใน ก.ย.

1) การประชุม และถ้อยแถลงของคุณ Powell (ประธาน Fed) ที่การประชุม Jackson hole และ 2) ถ้อยแถลงของประธาน BoJ สำหรับการดำเนินนโยบายทางการเงิน ในระยะถัดไป โดยการแถลงที่ Jackson hole เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ คือคุณ Powell ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม เดือน ก.ย. (17-18 ก.ย.) อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตลาดต้องติดตามต่อ คือ ขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยว่าจะเป็น 0.25% หรือ 0.50% ซึ่งเราค่อนข้างมองเป็นบวกต่อการปรับลดเพียง 0.25% มากกว่า เนื่องจากการปรับลด 0.50% อาจทำให้นักลงทุนกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ โดยหุ้นกลุ่มที่เราคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร, โรงไฟฟ้า, กองรีทส์ และการเงิน ขณะที่กลุ่มธนาคารเรายังคงมีมุมมองเชิงบวก เนื่องจาก 1) คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่น่าจะมีการถดถอย และ 2) คาดจะได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวมาช่วยชดเชยได้ สำหรับการแถลงการดำเนินนโยบายทางการเงินของประธาน BoJ คุณอูเอดะ ส่งสัญญาณว่า BoJ อาจตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นได้ หากสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นเอื้ออำนวย ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 

สะสมหุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล เรายังคงมองเป็นบวกต่อหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล และแนวคิดต่างๆ ของคุณทักษิณ ในงาน Vision for Thailand 2024 ที่รัฐบาลอาจนำไปประยุกต์ใช้กับนโยบายได้ หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ AOT, BBL, CK, CPALL และ MTC 

 

 

MSCI Rebalance 30 ส.ค. นี้ MSCI จะมีการ Rebalance Portfolio ในวันที่ 30 ส.ค. นี้ โดยมีหุ้นเข้า-ออก ดัชนี ดังนี้ 1) MSCI Global Standard Index - ไม่มีหุ้นเข้า สำหรับหุ้นที่ออกจากดัชนี ได้แก่ AWC, EA, GPSC และ IVL 2) MSCI small Cap Index – หุ้นที่ได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีรอบใหม่ ได้แก่ BJC, EA, KAMART และ TLI  ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออกจากดัชนี ได้แก่ BAFS, BYD, EPG, NEX, ORI, PTG< RBF, RATCH,  SC, SJWD, SKY, SNNP และ THCOM สำหรับหุ้นที่ได้รับคัดเลือกเข้าดัชนีทั้งสอง เรามองเป็นบวกต่อ BJC มากที่สุด จากปัจจัยพื้นฐานที่ดูดีมากที่สุด  

ภาพรวมกลยุทธ์ GDP ที่ดีกว่าคาด และแรงส่งจากเสถียรภาพการเมือง เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มการเงิน ทั้งธนาคารและไฟแนนซ์ (เราชอบ KBANK, BBL, MTC) เรายังคาดกลุ่มคล้ายพันธบัตร และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ แกร่งกว่าตลาด และใช้จังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นขาขึ้น อาทิ สื่อสาร, อาหาร และค้าปลีก // กลุ่มท่องเที่ยวน่าสนใจจากการเข้าสู่ high season เราชอบ AOT, ERW, SPA

แนวรับ: 1,345 / แนวต้าน : 1,360 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    BBL* (145) : การคงดอกเบี้ยของ กนง. ขณะที่ต้นทุนการเงินลดลง และ GDP มีโมเมนตัมที่ดีขึ้น เป็นภาวะที่บวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ตัดขาดทุน 139 บาท  

•    EGCO* (116) : ราคาหุ้นตอบรับผลประกอบการที่อ่อนแอจากการตั้งสำรองโครงการผลิตไฟฟ้าที่ต่างประเทศไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบัน ซื้อขายด้วย PER 8x, PBV 0.46x และให้ปันผล 6.72%   ตัดขาดทุน 93 บาท

•    MTC* (48) : ผลประกอบการไตรมาส 2/67 ออกมาแข็งแกร่ง การตั้งสำรองอย่างเข้มข้นทำให้ผลประกอบการน่าจะผ่านจุดต่ำวุดแล้ว ตัดขาดทุน 43 บาท 

•    CPN* (61) : ผลประกอบการไตรมาส 2/67 แข็งแกร่ง ตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการเปิดโครงการใหม่ ตัดขาดทุน 57 บาท 

 

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    “พาวเวล” ส่งสัญญาณถึงเวลาแล้วที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อลดลง
-    เงินเยนแข็งค่าเทียบดอลลาร์ หลังผู้ว่า BOJ ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ย
-    "ภูมิธรรม เร่งกระบวนการจัดตั้งครม. คาดรัฐบาลใหม่เข้าทำงาน ก.ย. 67
-    ผู้ว่าธปท. เผยเร็วเกินไปจะตัดสินใจลดค่าธรรมเนียม FIDF ระบุปีนี้ยอดหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ จะลดลงเหลือ 5.5 แสนล้านบาท
-    “สุริยะ” แย้มผุด กองทุนระดมเงินซื้อกิจการรถไฟฟ้า คืนจากเอกชน รับวิสัยทัศน์ “ทักษิณ”
-    OR แนะนำ ถือ เป้า 16.50 บาท/ PTTGC แนะนำ ถือ เป้า 23 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

26 ส.ค. – TH Export (Jul)