วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ความชัดเจนการเมืองและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนหุ้นไทย
ภาพรวมหุ้นโลกมีแรงถ่วงจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาผสมผสาน อาทิ ตัวเลขการจ้างงาน ADP ที่เพิ่ม 99,000 ตำแหน่ง (ต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง), ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ลดลง 5,000 ตำแหน่ง เหลือ 227,000 ตำแหน่ง
ขณะที่ ISM Services ออกมา 51.5 มากกว่าคาดเล็กน้อย โดยรวมตลาดยังระมัดระวังต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงถัดไป เห็นได้จากการที่ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ ที่ปรับลดลงเหลือ 3.73% (จาก 3.93% เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน) ซึ่งภาพดังกล่าว ยังหนุนเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย รวมถึงหนุนหุ้นในกลุ่มที่มีกระแสเงินสดคล้ายตราสารหนี้ ทั้งสื่อสาร โรงไฟฟ้า กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เคลื่อนไหวในทิศทางบวก
หุ้นไทยกลับมาเคลื่อนไหวเด่นกว่าหุ้นโลก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นไทยฟื้นตัวเด่นกว่าหุ้นโลก หลังการเมืองกลับมามีความชัดเจน ขณะที่รมว.ในครม.ชุดใหม่ในส่วนของกระทรวงการคลังไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ตลาดคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆจะยังดำเนินไปตามที่เคยมีการให้ข่าวไว้ โดยเฉพาะการขายหน่วยลงทุนวายุภักย์ 1 ในช่วงปลายเดือน ก.ย. ที่นักลงทุนมองว่าอาจสร้างเม็ดเงินไหลเข้าตลาดกว่า 1.5 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงสร้างของการประกันผลตอบแทน และการจ่ายเงินปันผล ทำให้เรามองเม็ดเงินจากกองทุนฯ อาจไม่ได้เน้นผลักดันตลาดโดยตรง แต่เป็นเหมือนการประกันทางลงของตลาดมากกว่า
ภาพรวมกลยุทธ์ สำหรับ SET Index การผ่าน 1,365 ทำให้กรอบการเก็งกำไร (trading range) ขยับขึ้นเป็น 1,365-1,430 จุด ยังคาดกลุ่มคล้ายพันธบัตร และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ แกร่งกว่าตลาด และใช้จังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นขาขึ้น อาทิ สื่อสาร, อาหาร และค้าปลีก // กลุ่มท่องเที่ยวน่าสนใจจากการเข้าสู่ high season เราชอบ AOT, ERW, SPA
แนวรับ: 1,365-1,390 / แนวต้าน : 1,430 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• CBG (72) : คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ฟื้นตัว จากยอดขาย Energy drink ที่ดีขึ้น และคาดได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ ตัดขาดทุน 67.5 บาท
• NSL* (35) : ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 67 เติบโตดี จากรายได้ที่เติบโตเด่น และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ตัดขาดทุน 27.50 บาท
• CPNREIT* (14) : ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มได้ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ตัดขาดทุน 11.70 บาท
• SAMART* (8) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกลับมาของรายต่ายภาครัฐฯ และการลงทุนด้าน IT/AI ตัดขาดทุน 6.20 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- สภาฯ เห็นชอบพ.ร.บ.งบฯปี 68 วงเงิน 3.75 ล้านลบ.
- วัดใจนโยบายค่าแรง ‘แพทองธาร’ 74 จังหวัดเสนอขึ้นไม่ถึง 400 บาท
- EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด
- ซีอีโอ ASML ชี้ สหรัฐตั้งกฎคุมส่งออกชิปไปจีนด้วยเหตุผลเรื่องเศรษฐกิจ
- สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด
- ผู้ว่าฯ กทม.ปัดยื้อจ่ายหนี้ BTS ยันต้องรอบคอบ ถูกต้องตามระเบียบ
- รมว.คลัง รับหุ้นไทยบวกแรงจากหลายปัจจัย การเมืองชัดเจนมีส่วน
- เงินเฟ้อ ส.ค.เพิ่ม 0.35% ชะลอจากเดือนก่อน คาด Q4/67 กลับเข้ากรอบเป้าหมาย
- BGRIM เริ่ม COD โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 20 MW เมื่อ 5 ก.ย.
- AMATA เรามีมุมมองเชิงบวกต่อรายได้ AMATA 2H24 แนะนำ ”ซื้อ” เป้าหมาย 30.00 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 ก.ย. – US Non Farm Payrolls (Aug), US Unemployment rate (Aug)
9 ก.ย. – CN Inflation (Aug)
11 ก.ย. – US CPI (Aug)
12 ก.ย. – US PPI (Aug)