วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐต่ำคาด

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐต่ำคาด

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก ตลอดช่วงเวลาการซื้อขาย โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยภายในประเทศเรื่องความคาดหวังนโยบายเศรษฐกิจ ที่จะแถลงภายในสัปดาห์นี้ รวมทั้งแรงเก็งกำไรก่อนการเปิดขายกองทุนวายุภักษ์

ขณะที่เงินบาทแข็งค่า เป็นปัจจัยหนุน Fund Flow ไหลเข้า มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก ธนาคาร และอสังหาฯ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,427.64 จุด +23.36 จุด +1.66% มูลค่าการซื้อขาย 107,404.75 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี +68.57 จุด +5.04%) Program Trading +6,856.14 ลบ. ต่างชาติ +10,756.62 ลบ. TFEX -37,982 สัญญา ตราสารหนี้ -21.02 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่าพร้อมเจรจากับยูเครน โดยที่จีน อินเดีย และบราซิล สามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพที่อาจเกิดขึ้น
+ คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ และเป็นสมาชิกถาวรของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ FED (FOMC) สนับสนุน FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เพื่อกระตุ้นตลาดแรงงานที่อ่อนแอ
+ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ล่าสุดส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลและฉุดตลาดหุ้นร่วงลงก็ตาม
+ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีเตรียมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 12-13 ก.ย.นี้ พร้อมชี้แจงและตอบคำถามในประเด็นที่เกี่ยวข้องในช่วงการ
+การแถลงข้อมูลการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่งที่จะเปิดให้นักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันจองซื้อช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายในตลท.

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 410.34 จุดหรือ -1.01% หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงชะลอตัวลง ขณะที่บรรดานักลงทุนไม่แน่ใจว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากเพียงใด

 

 

 

 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ -2.14% ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์/บาร์เรลต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2566 ร่วงหนักในรอบสัปดาห์ ที่ผ่านหลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนส.ค.ที่อ่อนแอเกินคาด บดบังปัจจัยหนุนจากการที่กลุ่มโอเปคพลัสเลื่อนปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 164,000 ตำแหน่ง และกระทรวงแรงงานยังได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงาน ในเดือนก.ค.สู่ระดับ 89,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานไว้ที่ระดับ 114,000 ตำแหน่ง
- FedWatch บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่ามีโอกาส 73% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนก.ย. ขณะที่มีโอกาส 27% ที่ FED จะปรับ ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ซึ่งเพิ่มขึ้นชั่วคราวเป็น 51% หลังสหรัฐรายงานข้อมูลจ้างงานต่ำกว่าคาด
- รัฐบาลสหรัฐกำลังออกมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีสาคัญต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีประมวลผลควอนตัมและเซมิคอนดักเตอร์
- ตลท. สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม-6 กันยายน 2567 พบว่าสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 9,692.90 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 3,540.28 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 109,252.32 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 103,099.70 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงชะลอตัวลง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,420-1,430 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

 

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า : BGRIM GPSC EGCO RATCH TVO TMILL JUBILE SYNEX SIS
• หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : TASCO DOHOME GLOBAL DCC DRT TOA DPAINT
• ยอดส่งออกไทยเดือน ก.ค. เติบโต : STA NER CPF GFPT AAI ITC
• หุ้นได้ประโยชน์จากรัฐบาลใหม่ : CK STEC SEAFCO BJC CPALL CPAXT TNP
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC

หุ้นรายงานพิเศษ

VIH "ซื้อ" ปัจจุบัน PE เพียง 17x ถูกกว่ากลุ่มที่ราว 20-25x
"มุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ  2H67"  

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐต่ำคาด

•งวด 2Q67 มีกำไร 77 ลบ. +29%YoY +8%QoQ โดยมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 679 ลบ. +8%YoY +2%QoQ เติบโตต่อเนื่องแม้จะเป็น Low Season โดยหลัก มาจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของศูนย์เฉพาะทาง อาทิ ศูนย์อุบัติเหตุ และศูนย์หัวใจ รวมทั้งการเติบโตของการตรวจสุขภาพ ส่วน %EBITDA ปรับดีขึ้นสู่ 21% (2Q66 = 19%, 1Q67 = 20%) จำก Economies of Scale ประกอบกับ เน้นการให้บริการที่มีมาร์จิ้นดี ทั้งนี้ 1H67 มีกำไร 150 ลบ. +52%YoY

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ 2H67 คาดจะเติบโตตั้งแต่ 3Q67 เป็นต้นไป แม้จะมีบันทึกการกลับรายการโรคซับซ้อนของประกันสังคมในช่วงปลายปี 66 ที่ได้รับในอัตราที่ลดลงจาก 12,000 บาท/RW เหลือ 7,200 บาท/RW มีผลกระทบราว 10 ลบ. แต่คาดจะถูกชดเชยจากการเข้าสู่ช่วง High Season ที่เป็นฤดูฝนที่มาพร้อมกับโรคระบาด อาทิ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และ RSV เป็นต้น ซึ่ง Occ.Rate เร่งขึ้นสู่ระดับ 70-90% จากระดับปกติที่ราว 40% นอกจากนี้ ยังเตรียมปรับเพิ่มค่าบริการให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอีกราว 3-7% มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 ช่วยหนุนผลประกอบการช่วง 4Q67 โดยปัจจุบันราคาหุ้นซื้อที่ PE เพียง 17x ถูกกว่ากลุ่ม รพ.ขนาดเล็กที่ราว 20-25x แนะนำ "ซื้อ"

หุ้นมีข่าว

(+) TOG (Bloomberg Consensus 12.00 บาท) คาดผลงานครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก รับแรงหนุนความต้องการเลนส์สายตาเฉพาะบุคคล (Rx) พุ่ง เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มพรีเมียม และกลุ่มมาตรฐาน ผลักดันอัตรากำไรสุทธิพุ่งระดับ 15% ทุ่มงบลงทุน 500 ล้านบาท เดินหน้าขยายกำลังการผลิตเลนส์ Rx และการลงทุนในส่วนอื่นๆ ซุ่มศึกษาวิธีการเพิ่มทุนระดมเงินมาใช้ลงทุนดังกล่าว (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TIDLOR (Bloomberg Consensus 17.00 บาท) บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) เดินหน้าสู่ Holding Company ตั้งโต๊ะทำ Tender Offer ภายในไตรมาส 4/67 มั่นใจโครงสร้างใหม่ดันกำไรเพิ่ม-ต้นทุนจากปันผลหุ้นลด ยันโครงสร้างใหม่ยังจ่ายปันผลเงินสดสูง 20% ของกำไรสุทธิ พร้อมลุยธุรกิจประกันเต็มสูบ สิ้นปี 67 คาดเบี้ยแตะ 10,000 ล้านบาท สินเชื่อโต 10-15% หนี้เสียต่ำไม่เกิน 2% (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SGC (Bloomberg Consensus 1.95 บาท) บมจ.เอสจี แคปปิตอล (SGC) เผยข่าวดียอดสินเชื่อ SG Finance+ โครงการ Locked Phone เดือน ส.ค.โตแรงทะลุเป้า 4 หมื่นสัญญา หนุน 8 เดือนแรกปีนี้ปล่อยสินเชื่อกว่า 100,000 เครื่อง ดันพอร์ตสินเชื่อทะลุ 1 พันล้านบาท ด้วย NPL ต่ำมาก หนุนภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 3-4 โตรับเทรนด์มือถือฟีเวอร์ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) PR9 (Bloomberg Consensus 22.00 บาท) วางเป้ารายได้ปี 73 แตะ 1 หมื่นล้านบาท เหตุมุ่งขยายฐานลูกค้าทั้งใน-ต่างประเทศ ส่งซิกไตรมาส 3/2567 รายได้โตเกิน 10% รับไฮซีซัน ปีนี้เตรียมงบ 400 ล้านบาท ปรับปรุงโรงพยาบาล โบรกคาดผู้ป่วยต่างชาติปีนี้แตะ 16-18% พร้อมคงเป้ากำไร 642 ล้าน โต 15% (ที่มา ทันหุ้น)