วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ผันผวนจากปัจจัยลบเงินเยนแข็งค่า
เงินเยนแข็งค่าหลังผลการเลือกตั้งผู้นำภายในพรรครัฐบาลญี่ปุ่น ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลดลง 4% หลังเงินเยนแข็งค่าขึ้นเป็น 142.54 เยน/ดอลลาร์ฯ (จาก 146.49 เยน/ดอลลาร์ฯ) หลังผลการเลือกตั้งภายในพรรครัฐบาลญี่ปุ่น
โดย Shigeru Ishiba ที่มีแนวคิดสนับสนุนความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ชนะคู่แข่งที่สนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนอย่าง Sanae Takaichi ทำให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น กลับมาสร้างแรงกดดันต่อการขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อคืนเงินกู้ยืมสกุลเยน (Yen Carry Trade Unwinding) อีกครั้ง อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้น หลังทางการเผยมาตรการสนับสนุนด้านอสังหาริมทรัพย์ สถานการณ์ดังกล่าวหนุนหุ้นได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน หรือ DR หุ้นจีนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทย ไม่หมดแรง แต่ก็มีสัญญาณอ่อนกำลังลง จำนวนหุ้นใน SET50 ที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน ลดลงเหลือ 36 หลักทรัพย์ (จาก 9 ก.ย.ที่ 48 และ 27 ก.ย. ที่ 43 หลักทรัพย์) แม้ปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน จะเป็นบวกกับบรรยากาศลงทุนในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยถ่วง 2 ประการ ที่อาจกดดันหุ้นไทย ได้แก่ 1) การลดลงของราคาน้ำมันดิบ หลังสื่อรายงานซาอุดิอาระเบียจะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน ธ.ค. หรือยุติการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจในส่วนของตัวเอง (ปัจจุบันผลิต 9 ล้านบาร์เรล จากกำลังการผลิต 12 ล้านบาร์เรล) 2) เงินบาทที่แข็งค่ามาถึงโซน 32-32.6 บาท/ดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นโซนที่มีโอกาสอ่อนค่าทางเทคนิค ทำให้แรงซื้อนักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มชะลอ หรือาจพลิกกับมาขายในระยะสั้น// โดยรวมทำให้ต้องระวังการขายทำกำไรสลับโดยเฉพาะในหุ้นใหญ่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก อาจยังต่อเวลาการเล่นไปได้อีกช่วง // ราคาน้ำมันดิบที่ลดลง กระทบกลุ่มพลังงาน ที่น่าจะรายงานผลประกอบการอ่อนแอ แต่เป็นปัจจัยบวกหนุนการเก็งกำไรสายการบินและปั๊มน้ำมัน
ภาพรวมกลยุทธ์ “ระวังแรงทำกำไรหุ้นใหญ่”คาดโมเมนตัมหุ้นกลาง-เล็ก จะมีโอกาสกลับมาถูกผลักดันมากขึ้น// อาจเลือกหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างกลุ่มท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารสัตว์เลี้ยงเราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS, ITC // DR หุ้นจีนอาจเคลื่อนไหวได้ดีในช่วงนี้ อาทิ BABA80, XIAOMI80, BYDCOM80, XIAOMI80, CN01, CNTECH01, STAR5001, HK01, HK13
แนวรับ: 1,425-1,435 / แนวต้าน : 1,465-1,490 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• ITC* (24) : การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงดี ทำให้ผลการดำเนินไตรมาส 3/67 มีแนวโน้มทรงตัว (จากคาดลดลง) ขณะที่เข้า hig season ไตรมาส 4/67 ตัดขาดทุน 20.40 บาท
• TNP* (4.50) : ภาวะน้ำท่วมทำให้มีการปิด 4 สาขา แต่เป็นระยะเพียง 3-7 วัน ผลประทบค่อนข้างจำกัด ขณะที่ได้แรงหนุนบริโภคจากมาตรการรัฐ ตัดขาดทุน 3.50 บาท
• IND* (1.21) : ผลการดำเนินงานมีแรงหนุนจากการกลับมาของรายจ่ายภาครัฐ ขณะที่บริษัทมีกลยุทธ์ในการรับงานที่ทำให้มีการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ราคาปัจจุบันซื้อขายต่ำ มูลค่าทางบัญชีที่ 1.21 บาท ตัดขาดทุน 0.78 บาท
• FLOYD* (1) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดฟื้นตัวต่อเนื่อง ราคาปัจจุบันต่ำมูลค่าทางบัญชีที่ 1.05 บาท ตัดขาดทุน 0.75 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- สหรัฐเผยดัชนี PCE +2.2% เดือนส.ค. ต่ำกว่าคาดการณ์
- สหรัฐฯ หยุดผลิตน้ำมันราว 24% หลังเฮอริเคนเฮเลนถล่มอ่าวเม็กซิโก
- แบงก์ชาติจีนประกาศซื้อคืนพันธบัตร
- Apple ถอนตัวจากการเจรจาร่วมทุนกับ OpenAI
- จีนเรียกร้องบริษัทในประเทศไม่ให้ซื้อชิปของ Nvidia
- ธ.ก.ส. เปิดแจ้งความประสงค์ “พักหนี้เกษตรกร” เฟส 2 เริ่ม 1 ต.ค. 67-31 ม.ค. 68
- GPSC กู้ระยะยาว 3 แบงก์รัฐ-เอกชนรวม 7 พันลบ. รุกพลังงานสะอาด
- THAI หวังคลังถอยไม่ดึงกลับเป็นรัฐวิสาหกิจ ยื่น Filing 30 ก.ย.
- TCAP แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 52.00 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 ก.ย. – ตัวเลขค้าปลีกไทย (ส.ค.)
1 ต.ค. – ถ้อยแถลงเจอโรม พาวเวล, ISM Manufacturing(Sep), Job Openings(Aug)