วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เข้าสู่ช่วงหยุดยาวของจีน ค่าเงินเยนอ่อนค่า
บรรยากาศลงทุนมีแนวโน้มผ่อนคลายหลังเงินเยนเริ่มกลับมาอ่อนค่า บรรยากาศลงทุนเอเชียเช้านี้ผ่อนคลายลง หลังอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนเริ่มกลับมาอ่อนค่า หลังแข็งค่าอย่างรวดเร็ววานนี้ จากความกังวลแนวโนยบายของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ชิเงรุ อิชิบะ
ซึ่งมีแนวโน้มสนับสนุนความเป็นอิสระของธนาคารกลาง, สนับสนุนการปรับขึ้นภาษีการบริโภค (VAT) และขยายฐานภาษีเพื่อแก้ปัญหาหนี้และรักษาเสถียรภาพด้านการคลัง, เสริมสร้างความเข้มแข็งของกองทัพ และลดหนี้สาธารณะ แม้นโยบายหลายอย่างดูไม่เป็นมิตรกับนักลงทุน แต่การผลักดันมาตรการต่างๆเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและมีข้อจำกัด ขณะที่การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นรอบหน้า (30-31 ต.ค.) คาดว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนนโยบายการเงินการคลังมีจำกัด
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน แต่โดยรวมยังเป็นแค่การเก็งกำไร ขณะที่หุ้นได้ประโยชน์ทางอ้อมอย่างท่องเที่ยว
• กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, เกษตรกรรม และปิโตรเคมี เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์สูงสุด โดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มโดดเด่นที่สุดเนื่องจากมีรายได้จากจีน โดยเฉพาะบริษัทเช่น COCOCO ที่มีรายได้จากจีนถึง 50% และ TKN ที่ 22% ถัดมาคือกลุ่มเกษตรกรรม โดยเฉพาะผู้ผลิตยางอย่าง STA (30-35%) และ NER (20-23%) ที่ได้รับประโยชน์จากการส่งออกไปจีน กลุ่มปิโตรเคมีก็เป็นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์สูงสุดเช่นกัน โดย SCC มีรายได้จากจีน 20% ตามด้วย PTTGC (10%) และ IVL (7%)
• กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยวอาจได้รับประโยชน์ทางอ้อม แม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยวอาจได้รับประโยชน์ทางอ้อม หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนทำให้รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้นและความต้องการเดินทางเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากขึ้น โดยเราแนะนำหุ้น ERW และ AOT เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ภาพรวมกลยุทธ์ “เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างกลุ่มท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารสัตว์เลี้ยงเราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS, ITC // หุ้นได้ประโยชน์จากจีนและ DR หุ้นจีน อาจชะลอจากการเข้าสู่ช่วงหยุดยาว 1-7 ต.ค. // หุ้นได้แประโยชน์ Data center: WHA, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN
แนวรับ: 1,425-1,435 / แนวต้าน : 1,465-1,490 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• ITC* (24) : การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงดี ทำให้ผลการดำเนินไตรมาส 3/67 มีแนวโน้มทรงตัว (จากคาดลดลง) ขณะที่เข้า hig season ไตรมาส 4/67 ตัดขาดทุน 20.40 บาท
• TNP* (4.50) : ภาวะน้ำท่วมทำให้มีการปิด 4 สาขา แต่เป็นระยะเพียง 3-7 วัน ผลประทบค่อนข้างจำกัด ขณะที่ได้แรงหนุนบริโภคจากมาตรการรัฐ ตัดขาดทุน 3.50 บาท
• VRANDA* (7) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ฟื้นตัวจากธุรกิจโรงแรม ขณะไตรมาส 4 มีแรงหนุนจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ ตัดขาดทุน 5.20 บาท
• FLOYD* (1) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดฟื้นตัวต่อเนื่อง ราคาปัจจุบันต่ำมูลค่าทางบัญชีที่ 1.05 บาท ตัดขาดทุน 0.75 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- คาดสหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตร +144,000 ตำแหน่งเดือนก.ย.
- อังกฤษเผย GDP ขยายตัว 0.5% ใน Q2/67 ชะลอตัวจาก Q1/67 และต่ำกว่าคาด
- Google ทุ่ม 36,000 ล้านบาท สร้าง Data Center ในไทย
- SCBX ปิดดีลขาย Robinhood ให้กลุ่มยิบอินซอย มูลค่า 2,000 ล้านบาท
- "กลุ่มเซ็นทรัล" ประกาศซื้อกิจการ Globus สรรพสินค้าหรูในสวิส
- “บอร์ด EA” ไฟเขียวออกตั๋วแลกเงินระยะสั้นให้ “สมโภชน์ อาหุนัย-บริษัทแห่งหนึ่ง” ราว 1.6 พันลบ.
- JMT ควักกระเป๋าชำระคืนหุ้นกู้ ตามนัด! 625 ลบ. พร้อมลุยซื้อหนี้เพิ่ม
- Special Report: China’s Stimulus Boosts Sentiment For China-Related Companies/ BH แนะนำ “ซื้อ” เป้า 303 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1 ต.ค. – ถ้อยแถลงเจอโรม พาวเวล, ISM Manufacturing(Sep), Job Openings(Aug)
3 ต.ค. – US ISM Services PMI (Sep)