วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TU ประมาณการ 3Q67F: กำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TU ประมาณการ 3Q67F: กำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TU ใน 3Q67F จะเพิ่มขึ้น 8% YoY และ 7% QoQ เป็น 1.31 พันล้านบาท โดยคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานจะไม่น่าตื่นเต้น และ ค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อน

เราคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 6% YoY เป็น 3.59 หมื่นล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ายอดขายจะทรงตัว QoQ เพราะยอดขายอาหารทะเลแปรรูปที่เพิ่มขึ้นจะหักล้างไปกับยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งที่ลดลงเพราะอุปสงค์ในสหรัฐที่อ่อนตัว เราคาดว่า
GPM จะอยู่ที่ 18.8% (+0.5ppts YoY, +0.3ppts QoQ) โดยมองว่าเงินบาทที่แข็งขึ้นจะกระทบกับ GPM ใน
ไตรมาสนี้บ้างต่อธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป เพราะสัญญาขายสินค้ามีอายุสั้นกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจการดูแลสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตาม ราคาปลาทูน่าที่ลดลง และประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้นจะช่วยหนุน GPM ของธุรกิจการดูแลสัตว์เลี้ยง และ อาหารทะเลแช่แข็ง เราคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาสนี้เพราะค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และ ค่าที่ปรึกษาเพิ่มขึ้นจากโครงการแปรสภาพธุรกิจ ซึ่งถือเป็นประเด็นลบที่อยู่เหนือความคาดหมายเพราะเราคาดไว้ว่าค่าใช้จ่าย SG&A จะลดลงใน 2H67F

ส่วนแบ่งกำไรที่แข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโต

ในแง่บวก เราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือจะเพิ่มขึ้นเป็น 260 ล้านบาท (จากที่มีส่วนแบ่งผลขาดทุน 234 ล้านบาทใน 3Q66, +45% QoQ) เพราะผลการดำเนินงานของ Avanti Feeds แข็งแกร่งประกอบกับไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนของ Red Lobster เราคาดว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ เนื่องจากต้นทุนเงินกู้สูงขึ้นจากการ refinance ในขณะที่คาดว่าค่าใช้จ่ายภาษีจะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากอัตราภาษีต่ำผิดปกติใน 2Q67

 

 

 

อานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะถูกบดบังด้วยผลกระทบจากบาทแข็ง และ SG&A ที่สูงขึ้น

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ลง 19% เหลือ 4.99 พันล้านบาท (พลิกจากขาดทุนสุทธิ 1.39
หมื่นล้านบาทในปี 2566) เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้น และ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าที่คาดเอาไว้ก่อน
หน้านี้ สำหรับแนวโน้มในปีหน้า เราคาดว่าอุปสงค์ในธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป และ การดูแลสัตว์เลี้ยงของ TU จะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณการยอดขายลง 7% และ ปรับลดสมมติฐาน GPM ลง 0.3ppts เหลือ 17.9% เพราะเราคาดว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทชัดเจนมากขึ้น หลังปรับสมมติฐานค่าเงินบาทเป็น 32.5 บาท/ดอลลาร์ จากเดิม 34.3 บาท/ดอลลาร์ นอกจากนี้ เรายังคาดว่าค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้นจะมีน้ำหนักมากกว่าอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยลดดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2568F ลง 27% เหลือ 5.16 พันล้านบาท (+4% YoY)

Valuation & action

เราปรับลดคำแนะนำหุ้น TU จากซื้อเป็นถือ เนื่องจากมองว่าผลประกอบการใน 2H67F จะไม่น่าตื่นเต้นและ กำไรจะโตต่ำในปีหน้า เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 16.00 บาท จากเดิมที่ 19.70 บาท จากการ de-rate PER ลงเหลือ 14x จากเดิม 15x

Risks

ต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้น, อัตราแลกเปลี่ยน และ เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TU ประมาณการ 3Q67F: กำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TU ประมาณการ 3Q67F: กำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TU ประมาณการ 3Q67F: กำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TU ประมาณการ 3Q67F: กำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ