วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก TATG ออกแบบและผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์
TATG หรือ บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย บริษัทย่อย 3 บริษัท คือ 1) บริษัท ไทย ออโต ทูลส์(ปทุมธานี) จำกัด (“TATP ออกแบบและผลิตแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ และอุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Tooling)
2) บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ชลบุรี) จำกัด (“TATC”) ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบการปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) พร้อมบริการชุบเคลือบสีชิ้นส่วนด้วยระบบไฟฟ้า EDP (Electro Deposition Paint)โดยมุ่งเน้นผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความพิถีพิถันสูง เช่นฝาครอบหม้อลมเบรครถยนต์ ถาดรองน้ำมันเครื่อง ชิ้นส่วนรถยนต์ ที่เกี่ยวกับระบบความปลอดภัยอื่นๆ และ 3) บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (อีสเทิร์น) จำกัด (“TATE”) ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบการปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) มุ่งรองรับลูกค้าที่ต้องการผลิตปริมาณมาก (Mass Production) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2568 ที่ 1.98บาทต่อหุ้น
ประเด็นสำคัญในการลงทุน
• อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวดีขึ้น : กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมในช่วงปี 2564 ถึง 2566 เท่ากับ 2,548 ลบ. 2,923 ลบ. และ 3,003 ลบ. ตามลำดับ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (3 Yrs-CAGR) ที่ร้อยละ 9 รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า งวด 6M67 กลุ่มบริษัทฯมีรายได้รวมจำนวน 1,340 ลบ. -9%YoY สาเหตุหลักมาจากการสั่งซื้อ ชิ้นส่วนรถยนต์ลดลง ตามภาวการณ์ผลิตรถยนต์ในใประเทศที่กำลังซื้อหดตัวลง และการเข้มงวดขึ้นของสถาบันการเงิน ทำให้ จำนวนการผลิตรถยนต์ในประเทศลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 20 ขณะที่ %GPM เท่ากับ 15.0% 10.7% 8.8% และ 11.1% ตามลำดับ งวด 6M67 %GPM ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการ จำหน่ายเศษวัตถุดิบเกิดจากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ได้ในราคาที่สูงกว่าราคา Scrap Return และ ได้รับคำสั่งซื้อสินค้า Tooling เพิ่มขึ้นจากลูกค้าผู้ผลิตรถยนต์ที่มีการออก Model รถยนต์รุ่นใหม่ ส่งผลให้ในช่วงปี 2564-2566 และงวด 6M67 บริษัทมีกำไร สุทธิเท่ากับ 165 ลบ. 108 ลบ. 48 ลบ. และ 46 ลบ. ตามลำดับ
• คาดผลประกอบการปี 2567-2568 เติบโตตามภาวะอุตสาหกรรม : คาดผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 2567 และปี 2568 ยังเติบโต โดยมีสาเหตุหลักจาก 1) อยู่ในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าสำเร็จรูป การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบการผลิตที่สำคัญ และมาตรการส่งเสริมการผลิตรถ EV 2)ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ได้คลี่คลายไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมา 3)ภาพรวมเศรษฐกิจไทยโอกาสฟื้นตัว จากสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายลง หลังจากการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ส่งผลให้มีความคาดหวังการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4)ปริมาณรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 5 ปี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ และตลาดรถใหม่ เราประมาณการรายได้ปี 2567-2568 ราว 3,211.3 ล้านบาท และ 3,436.1 ล้านบาท เติบโต +7.0%YoY และ +7.0%YoY พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2567-2568 ที่ระดับ 82.8 ล้านบาท และ 102.9 ล้านบาท เติบโต +77.5%YoY (เทียบกับฐานต่ำ) และ +24.3%YoY ตามลำดับ
• ประเมินราคาเหมาะสมในปี 2568 ของ TATG ราว 1.98 บาทต่อหุ้น: ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี P/E Ratio โดยอิงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ของหุ้นที่ทำธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้ PER เฉลี่ยที่ 7.6 เท่า โดยเราประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2568 ที่ราว 0.26 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมปี 2568 ที่ 1.98 บาทต่อหุ้น และคาดหวังอัตราเงินปันผลที่ 5.6% ต่อปี (คำนวณโดยใช้ราคาเหมาะสม)
ปัจจัยเสี่ยง
i) ความเสี่ยงจากการแข่งขันสูงของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์
ii) ความเสี่ยงจากเปลี่ยนแปลงของราคาต้นทุนเหล็ก
iii) ความเสี่ยงจาก Life Cycle Model ของรุ่นรถยนต์
iv) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายรัฐ
**Globlex Securities อาจเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย